ในเดือนมิถุนายน อสังหาริมทรัพย์ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลมีการเปิดตัวโครงการค่อนข้างคักคัก ก่อนสิ้นสุดครึ่งปีแรก 2558 โดยในเดือนนี้ มีจำนวนโครงการเปิดขายใหม่ทั้งหมด 37 โครงการ มีจำนวนหน่วยขายรวม 11,617 หน่วย และมีมูลค่าการพัฒนาโครงการรวม 39,246 ล้านบาท

            ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) แถลงว่า จำนวนอสังหาริมทรัพย์ที่เกิดขึ้นใหม่ในเดือนนี้มีทั้งหมด 11,617 หน่วย เพิ่มขึ้นจากเดือนที่ผ่านมาจำนวน 3,848 หน่วย (เดือนพฤษภาคม 2558 มีจำนวน 7,769 หน่วย) หรือ เพิ่มขึ้นประมาณ 50% เนื่องจากมีการเปิดโครงการอาคารชุดจำนวนมาก และมีจำนวนหน่วยขายเฉลี่ยต่อโครงการเพิ่มขึ้นด้วย จึงทำให้มีจำนวนหน่วยขายโดยรวมเพิ่มขึ้น โดยประเภทที่มีจำนวนหน่วยเปิดขายใหม่มากที่สุดในเดือนนี้ยังคงเป็นอาคารชุด โดยมีจำนวนหน่วยเปิดขาย 9,215 หน่วย (79.3%)

            อาคารชุดจะตั้งอยู่ในบริเวณเขตใจกลางย่านธุรกิจ (CBD) และตามแนวรถไฟฟ้าที่กำลังจะเปิดใช้บริการในอนาคต เช่น รถไฟฟ้าสายสีเขียว (แบริ่ง-สมุทรปราการ) และ สายสีน้ำเงิน (บางซื่อ-ท่าพระและหัวลำโพง-บางแค) เป็นต้น ส่วนทาวน์เฮ้าส์มีการเปิดขายบริเวณเขตเมืองชั้นกลางและชั้นในเป็นสำคัญ เช่น ถนนพระราม 3 ถนนลาดพร้าว ถนนพัฒนาการ ถนนสุขสวัสดิ์ ถนนพระราม 2 เป็นต้น ส่วนบ้านเดี่ยว จะเปิดขายบริเวณพื้นที่เขตเมืองชั้นกลาง และพื้นที่รอบนอก เช่น ถนนกาญจนาภิเษก ถนนเพชรเกษม และถนนปัญญา-อินทรา เป็นต้น

            ดร.โสภณ ยังแถลงเพิ่มเติมว่า เมื่อพิจารณาราคาขายเฉลี่ยต่อยูนิต พบว่ามีราคาขายเฉลี่ยต่อหน่วยลดลง (ประมาณ -19%) เนื่องจากการพัฒนาในเดือนนี้มีจำนวนหน่วยขายที่มีราคาขายต่ำกว่า 3 ล้านบาทมากถึง 62% จึงทำให้ราคาขายเฉลี่ยต่อหน่วยโดยรวมของเดือนนี้ลดลง เมื่อเปรียบเทียบกับราคาขายเฉลี่ยของเดือนก่อน ซึ่งราคาขายเฉลี่ยต่อหน่วยของเดือนนี้มีราคาเฉลี่ยที่ประมาณ 3.378 ล้านบาท แต่เดือนที่ผ่านมามีราคาขายเฉลี่ยที่ 4.176 ล้านบาท ซึ่งแสดงถึงแนวโน้มการพัฒนาที่อยู่อาศัยที่เน้นสำหรับผู้มีรายได้ปานกลางค่อนข้างถูกเพิ่มมากขึ้น

            ศูนย์ข้อมูลฯ ยังได้แยกแยะไปถึงระดับราคาขาย โดยพบว่าที่ระดับราคาต่ำกว่า 1 ล้านบาท มีจำนวน 1,284 หน่วย (11%) มีมูลค่าโครงการ 1,019 ล้านบาท (3%)  ที่ระดับราคา 1-2 ล้านบาท มีจำนวน 2,798 หน่วย (24.1%) มีมูลค่าโครงการ 4,354 ล้านบาท (11%) ระดับราคา 2-3 ล้านบาท มีจำนวน 3,114 หน่วย (27%) มีมูลค่าโครงการ 7,849 ล้านบาท (20%) ที่ระดับราคา 3-5 ล้านบาท จำนวน 2,436 หน่วย (21%) มีมูลค่าโครงการ 10,277 ล้านบาท (26%) ส่วนที่มีระดับราคาเกิน 5 ล้านบาทขึ้นไป จำนวน 1,985 หน่วย (17%) และมีมูลค่าโครงการ 15,747 ล้านบาท (40%) ของมูลค่าอสังหาริมทรัพย์ที่เปิดขายใหม่ทั้งหมดในเดือนนี้

            ประเด็นสำคัญที่ ดร.โสภณ กล่าวถึงก็คือ เมื่อพิจารณาอัตราการขายได้ จะพบว่าในเดือนแรกของการเปิดขายมีอัตราการขายได้เฉลี่ยที่ 40% ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดือนที่ผ่านมาที่มีอัตราการขายได้ที่ 36% ต่อเดือน โดยประเภทอสังหาริมทรัพย์ที่มีอัตราการได้สูงสุดอันดับ 1 คือ อาคารชุดระดับราคา 3-5 ล้านบาท จำนวน 1,924 หน่วย ขายได้แล้ว 1,422 หน่วย (74%) รองลงคือ อาคารชุดระดับราคา 5-10 ล้านบาท จำนวน 1,096 หน่วย ขายได้แล้ว 744 หน่วย (68%) และอันดับ 3 คืออาคารชุดระดับราคา 10-20 ล้านบาทขึ้นไป จำนวน 123 หน่วย ขายได้แล้ว 61 หน่วย (50%)

            ผู้ประกอบการที่เปิดตัวโครงการใหม่ในเดือนนี้ จะพบว่าเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ (มหาชน) จำนวน 10 บริษัท คือ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้จำกัด (มหาชน) บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) บริษัท มั่นคง เคหะการ จำกัด (มหาชน) บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน)บริษัท เอคิว เอสเตท จำกัด (มหาชน) บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์จำกัด (มหาชน) และมีบริษัทในเครือบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ 2 บริษัท นอกจากนี้ก็ยังมีบริษัททั่วไปอีกจำนวนหนึ่ง หากเปรียบเทียบการพัฒนาระหว่างบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ บริษัทในเครือ และบริษัททั่วไป

            ในด้านทำเลที่ตั้ง จะพบว่าในเดือนนี้มีโครงการที่เปิดตัวใหม่และตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพชั้นในจำนวน 7 โครงการ ตั้งอยู่ในเขตเมืองชั้นกลางและส่วนต่อขยายของเมือง (intermediate area) จำนวน 25 โครงการ เช่น ถนนติวานนท์ ถนนรามอินทรา ถนนลาดพร้าว ถนนศรีนครินทร์ ถนนเทพารักษ์ ถนนสุขสวัสดิ์ ถนนพระราม 2 ถนนราชพฤกษ์ ถนนเพชรเกษม เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีอีก 5 โครงการที่อยู่ในพื้นที่รอบนอกซึ่งใกล้แหล่งงาน และชุมชนที่อยู่อาศัยในย่านนั้น เช่น ถนนรังสิต-นครนายก ลำลูกกา และย่านพุทธมณฑล เป็นต้น 

            อย่างไรก็ตามในเดือนมิถุนายนนี้ ดร.โสภณ กล่าวว่า ได้พบโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่รอเปิดขายใหม่ในอนาคตอีก 326 โครงการตามตารางที่ 3 โดยได้แสดงชื่อโครงการ และที่ตั้งโดยสังเขปไว้ ซึ่งความคืบหน้าจะได้นำเสนอต่อไป จะสังเกตได้ว่ามีโครงการหลายแห่งที่ได้ประกาศตัวหรือเปิดตัวทางหน้าหนังสือพิมพ์ อย่างไรก็ตามในการเปิดขายจริง (ที่มีโบรชัวร์และสำนักงานขายที่พร้อมต้อนรับผู้สนใจซื้อไปเยี่ยมชม) ยังไม่มี จึงถือเป็นโครงการที่ยังไม่เปิดตัวและเมื่อเปิดตัวจริงแล้ว จะได้ดำเนินการสำรวจต่อไป

            อนึ่ง ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส จะจัดสัมมนาเฉพาะผู้บริหารสรุปภาวะตลาดที่อยู่อาศัย ครึ่งปี พ.ศ.2558 ในวันพฤหัสบดีที่ 23 กรกฎาคม 2558 เวลา 12:00 - 17:00 น. โดยเริ่มรับประทานอาหารกลางวันก่อน ณ โรงแรมอะมารีวอเตอร์เกต ประตูน้ำ (https://goo.gl/Q9B1OS)  โดยมีค่าใช้จ่ายท่านละ 10,000 บาท 

            ผู้เข้าสัมมนาจะได้รับรายงานวิจัยขนาด 1,000 หน้า รวม 2 เล่ม และเอกสารประกอบอื่น วิเคราะห์ภาพรวมและแยกตามทำเล 78 ทำเล 6 ประเภทบ้าน ได้แก่ บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮาส์ ตึกแถว ห้องชุด และที่ดินจัดสรร และ 8 ระดับราคา โดยวิเคราะห์ในด้านอุปสงค์ อุปทาน จำนวนหน่วยที่ขายแล้ว เหลือขาย อัตราการขายต่อเดือน จำนวนเดือนที่คาดว่าจะขายหมด การเปลี่ยนแปลงราคา จำนวนที่ขายได้ในรอบครึ่งปีที่ผ่านมา และแนวโน้มธุรกิจในอนาคต สนใจติดต่อ คุณสรรค์ชัย โทร.02.295.3905 ต่อ 114