ระเบิดกับราคาอสังหาริมทรัพย์
  AREA แถลง ฉบับที่ 241/2558: วันพุธที่ 18 สิงหาคม 2558

ผู้แถลง: ดร.โสภณ พรโชคชัย
ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย
บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส sopon@area.co.th https://www.facebook.com/dr.sopon4

            เหตุการณ์การก่อการร้ายที่ศาลพระพรหม ราชดำริเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2558 จะทำให้มูลค่าทรัพย์สินเช่น โรงแรมลดลงในระยะยาวประมาณ 6% อย่างไรก็ตามราคาที่ดินก็ยังเพิ่มขึ้น โดยบริเวณดังกล่าว ราคาที่ดินตามราคาตลาด ณ สิ้นปี 2557 เป็นเงิน 1.75 ล้านบาทต่อตารางวา และ ณ สิ้นปี 2558 ก็ยังคาดว่าจะเพิ่มเป็น 1.9-1.95 ล้านบาทต่อตารางวา ทั้งนี้การก่อการร้ายนี้ไม่ได้มีผลในเชิงลบ เทียบเคียบกับการเผาห้างเซ็นทรัลเวิลด์เมื่อปี 2553 ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อมูลค่าที่ดิน

            ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส ( www.area.co.th) กล่าวว่า ที่ผ่านมาผู้ก่อการร้ายต่างชาติเคยก่อวินาศกรรมในประเทศไทยมาแล้ว เช่น เหตุการณ์เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2515 เมื่อผู้ก่อการร้ายกลุ่มแบลคเซพเทมเบอร์ ได้เข้าจับตัวประกัน ณ สถานทูตอิสราเอล แต่รัฐบาลไทยโดยการนำของ พล.ต.ชาติชาย ชุนหวัณ และ พล.อ.อ.ทวี จุลทรัพย์ที่เข้าไปเจรจากับผู้ก่อการร้ายจนส่งคืนไปยังประเทศอียิปต์ โดยครั้งนั้นก็สามารถสร้างความพึงพอใจให้กับประเทศอิสราเอลด้วยเช่นกัน ( http://bit.ly/1LgWatq)

            นอกจากนี้ยังมีครั้งหนึ่งที่จะมีการก่อการร้ายครั้งใหญ่เมื่อปี 2537 โดยผู้ก่อการร้ายจากตะวันออกกลาง แต่เกิดกรณี “สามล้อกู้ชาติ” เฉี่ยวกับรถบรรทุกก่อการร้ายเสียก่อน จึงทำให้รถดังกล่าวไปไม่ถึงสถานทูตอิสราเอล ( http://bit.ly/1HTtfqr) นับเป็น “เดชะบุญ” ของประเทศไทยที่ไม่เกิดการระเบิดร้ายแรงอย่างยิ่ง หาไม่อาคารต่าง ๆ ในย่านชิดลมคงราบพนาสูญไปเป็นจำนวนมาก

            ในกรณีหาดใหญ่ก็เห็นได้ชัดเจนถึงการลดลงของนักท่องเที่ยวในแต่ละครั้งของการระเบิดครั้งใหญ่ ๆ ดังนี้รูปภาพ 

            จะสังเกตได้ว่าที่หาดใหญ่ เมื่อมีการวางระเบิดสนามบินเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2548  ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวลดลงอย่างมากถึงประมาณ 17%  แต่ก็ฟื้นคืนมาใหม่เป็น 16% ในปี 2549  พอปี 2550 และ 2551 ที่เกิดเหตุขึ้นมาอีก ก็ทำให้นักท่องเที่ยวลดลงต่อเนื่อง 9 และ 15% ตามลำดับ และเติบโตเรื่อยมาในปี 2552-2554 ที่ 23% 15% และ 37% ตามลำดับ ก่อนที่จะลดลงถึง 19% ในปี 2555 ที่เกิดระเบิดครั้งใหญ่ที่ห้างสรรพสินค้าลีการ์เดน ใจกลางเมืองหาดใหญ่ ซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตประมาณ 12 ศพ และบาดเจ็บมากกว่า 400 คน

        ในทำนองเดียวกันในกรณีบาหลี ก็มีการลดลงของจำนวนนักท่องเที่ยวเช่นกัน ทังนี้พิจารณาได้จากรายละเอียดในตารางต่อไปนี้:
                                           

            ดร.โสภณ พรโชคชัย ได้นำเสนอบทเรียนกรณีการระเบิดในเกาะบาหลี อินโดนีเซีย ซึ่งส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวเป็นอย่างมากโดยในครั้งแรก เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2545 ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตถึง 202 ศพ และบาดเจ็บอีก 240 ราย และครั้งใหญ่อีกครั้งหนึ่งในวันที่ 1 ตุลาคม 2548 ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอีก 20 ศพ และบาดเจ็บอีก 100 ราย ทั้งนี้ วินาศกรรมครั้งใหญ่ในปี 2545 ส่งผลกระทบรุนแรงให้จำนวนนักท่องเที่ยวบาหลีหดหายไปถึง 22% ในปี 2546 เพราะเป็นการระเบิดครั้งใหญ่ที่สุด แต่ก็กลับฟื้นตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็วในปีถัดมา ส่วนระเบิดครั้งใหญ่ในปี 2548 ก็ส่งผลให้นักท่องเที่ยวหดหายไปอีก 9% ในปีถัดมา

            อย่างไรก็ตามนับแต่ปี 2548-2554 จำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นถึงราวหนึ่งเท่าตัว โดยเชื่อว่าส่วนหนึ่งเนื่องจากนักท่องเที่ยวหันออกจากประเทศไทยนับแต่เหตุการณ์ความไม่สงบในชายแดนภาคใต้ รัฐประหาร 2549 ความขัดแย้งทางการเมือง และอื่น ๆ และนับถึงปัจจุบัน จำนวนนักท่องเที่ยวของบาหลีก็ใกล้เคียงกับภูเก็ตของไทยแล้ว

            อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ระเบิดก็เคยเกิดขึ้นเพราะการเมืองเช่นกัน โดยในสมัย ค.ม.ช. เมื่อสิ้นปี 2549 ถึงวันปีใหม่ 2550 ( http://bit.ly/1hJiBxs) เกิดเหตุระเบิดขึ้นหลายจุดในกรุงเทพมหานคร และต่อมาในเดือนกุมภาพันธ์ 2550 พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติก็ถูกปลดออกจากตำแหน่ง นัยว่าเป็นเพราะปัญหาระเบิดซึ่งเป็นเรื่องการเมืองต่างขั้ว มากกว่าการก่อการร้ายนั่นเอง (http://bit.ly/1DZLsaU)

            จากเหตุการณ์ระเบิด ณ ศาลพระพรหม ราชดำริ จะทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวทีคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 29.9 ล้านคนในปี 2558 น่าจะลดลงไปเหลือประมาณ 27 ล้านคน ทำให้รายได้หดหายไปประมาณ 141,000 ล้านบาท จากนักท่องเที่ยวที่หายไปเกือบ 3 ล้านคน ๆ ละประมาณ 39,000 บาทโดยประมาณ ทั้งนี้ก่อนหน้านี้ ดร.โสภณ ได้เคยวิเคราะห์ไว้ว่า

            1. ในปี 2556 มีนักท่องเที่ยวมา 26.5 ล้านคน หากไม่มีเหตุการณ์ทางการเมือง และให้อัตราการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวเป็น 12% ต่อปีโดยประมาณ นักท่องเที่ยวในปี 2557 และ 2558 น่าจะเป็น 29.7 และ 33.3 ล้านคนโดยประมาณ แต่โดยที่ขาดความไม่สงบ จึงมีนักท่องเที่ยวเข้ามาจริงในปี 2557 จำนวน 24.8 ล้านคน และจากข้อมูล 5 เดือนแรก 12.4 ล้านคน จึงประมาณการเป็น 29.8 ล้านคนในปี 2558 (=12448641*12/5) แสดงว่านักท่องเที่ยวในปี 2557-8 หายไปถึง 8.3 ล้านคน
           2. ในด้านรายได้จากการท่องเที่ยวปี 2556 ณ 1.17 ล้านล้านบาท ในปี 2557 เหลือ 1.14 ล้านล้านบาท และคาดการณ์ว่าในปี 2558 น่าจะเป็น 1.4 ล้านล้านบาท (จำวน 592,923 ล้านใน 5 เดือนแรก *12/5) ส่วนรายได้ที่ควรจะเป็น ในที่นี้ยังสมมติให้เพิ่มขึ้น 12% เท่าการเพิ่มของจำนวนหน่วยงาน ก็จะเท่ากับการสูญเสียรายได้ไปประมาณ 326,239 ล้านบาท ในห้วงปี 2557 และ 2558 ( http://bit.ly/1Je3tht)

            อย่างไรก็ตามทางราชการและผู้ประกอบการไม่พึงตื่นตระหนก เหตุการณ์ระเบิดที่สถานีรถไฟของอังกฤษเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2548 ( http://bit.ly/1eDxks6) หรือเหตุจลาจลครั้งใหญ่ในกรุงปารีสที่มีการเผารถยนต์นับหมื่นคันทั่วประเทศฝรั่งเศสในเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน 2548 ( http://bit.ly/1UQoAyK) และเกิดขึ้นอีกครั้งในปี 2550 ก็ไม่ได้ทำให้การท่องเที่ยวฝรั่งเศสลดลงอย่างต่อเนื่อง  เพียงแค่ในระยะเวลาไม่เกิน 1 ปีเท่านั้น การวางมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวด จะยังความมั่นให้กับนักท่องเที่ยว และทำให้นักท่องเที่ยวกลับคืนมายังประเทศไทยในอนาคต

            ในแง่ของมูลค่าทรัพย์สิน หากรายได้ของโรงแรมแห่งหนี่งหายไป 10% ในปี 2558 และกลับคืนมาใหม่ภายใต้สมมติฐานที่รายได้จะกลับคืนสู่ภาวะปกติในปี 2559 และมีอัตราการเพิ่มของรายได้สุทธิ 3% มีอัตราผลตอบแทนในการลงทุนของมูลนิธิประเมินค่าทรัพย์สินแห่งประเทศไทย ( http://bit.ly/1E2FN3N) จะทำให้มูลค่าลดลงประมาณ 6% ในห้วงเวลาการลงทุนประมาณ 50 ปี จากเหตุการณ์วิกฤติการก่อการร้ายในครั้งนี้

            อย่างไรก็ตามในกรณีราคาที่ดินที่ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส ได้เคยประเมินไว้เป็นเงิน 1.75 ล้านบาทต่อตารางวา ในบริเวณสยาม ชิดลม เพลินจิตและนานานั้น ยังเชื่อว่าราคาจะยังเพิ่มเป็น 1.9-1.95 ล้านบาทต่อตารางวา ณ สิ้นปี 2558 ทั้งนี้ในช่วงที่ผ่านมา ในแต่ละปี ราคาที่ดินในย่านนี้เพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 10% ทุกปี และเมื่อปี 2537 ราคาที่ดินที่สยามสแควร์มีราคาเพียงตารางวาละ 4 แสนบาทเท่านั้น แสดงว่าในรอบ 21 ปีทีผ่านมาราคาเพิ่มขึ้น 4 เท่า ยิ่งเมื่อมีการสร้างรถไฟฟ้าออกไปนอกเมืองมากเท่าไหร่ ก็ทำให้การเข้ามาทำกิจกรรมในใจกลางเมืองง่ายขึ้น ราคาที่ดินจึงยังขึ้นอย่างต่อเนื่อง

อ่าน 5,348 คน
2024 Copyright © by area.co.th All Rights Reserved