ตลาดที่อยู่อาศัยในเชียงใหม่กำลังชะลอหนัก ทั้งปี 57 มีเปิดตัวเพียง 52 โครงการ ส่วนครึ่งปี 58 มีเปิดใหม่เพียง 5 โครงการ

            ในบ่ายวันวันที่ 20 สิงหาคม 2558 ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส ได้จัดงานร่วมกับหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ เรื่อง “เชียงใหม่... บ้านเมืองจะเปี๊ยนไป๋?” ณ โรงแรมดวงตะวัน ถ.ท่าแพ จังหวัดเชียงใหม่ AREA แถลงฉบับนี้จึงจัดทำเพื่อสรุปการนำเสนอของดร.โสภณ พรโชคชัย ในการจัดสัมมนาในครั้งนี้

            จากการสำรวจของศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส ณ ต้นปี 2558 พบโครงการทั้งหมด 415 โครงการ จำนวน 51492 หน่วย รวมมูลค่า 139,734 ล้านบาท ในจำนวนนี้ขายไปแล้ว 36,755 หน่วย หรือ 71% ราคาบ้านในเชียงใหม่มีราคาเฉลี่ย 2.714 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าราคาเฉลี่ยในกรุงเทพมหานครประมาณ 10% อำเภอที่มีโครงการมากที่สุดคืออำเภอเมืองเชียงใหม่ โดยมี 179 โครงการ รองลงมาคืออำเภอสันทราย (79 โครงการ) ส่วนอันดับสามได้แก่ อำเภอสันกำแพง (50 โครงการ) โดยเฉลี่ยแล้วโครงการหนึ่ง ๆ มีจำนวน 124 หน่วย ซึ่งถือว่าเป็นโครงการขนาดปานกลางค่อนข้างเล็ก

            สำหรับอัตราการขายคาดว่าจะขายหมดภายในเวลา 8.6 เดือน โดยบ้านราคา 1.2 ล้านบาท คาดว่าจะขายหมดเร็วสุดประมาณ 6.9 เดือนเท่านั้น ส่วนบ้านราคาตั้งแต่ 3 ล้านบาทขึ้นไปจะใช้เวลาในการขายตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป เมื่อเจาะเฉพาะกรณีบ้านประเภทต่าง ๆ จะเป็นอย่างนี้

1. บ้านเดี่ยวมีทั้งหมด 29,385 หน่วย (หรือ 57 % ของที่อยู่อาศัยทั้งหมด) สินค้าที่มีมากที่สุดคือบ้านเดี่ยวราคา 1-2 ล้านบาท จำนวน 8,418 หน่วย แต่เหลือขายอยู่เพียง 1,471 หน่วย ซึ่งคาดว่าจะเป้นกลุ่มที่ขายเร็วที่สุดภายในเวลา 9.5 เดือน ส่วนบ้านเดี่ยวในระดับราคาอื่นจะขายได้ช้ามาก
2. บ้านแฝดมีอยู่เพียง 1,591 หน่วย แต่ส่วนใหญ่แล้วจะขายหมดภายในเวลาประมาณ 10 เดือน ทั้งนี้บ้านแฝดราคา 3 ล้านขึ้นไปจะได้ช้ามาก
3. ทาวน์เฮ้าส์มีอยู่เพียง 1,544 หน่วย แต่โดยทั่วไปจะขายได้ดีพอสมควรในเวลาประมาณ 10 เดือน ยกเว้นทาวน์เฮ้าส์ราคา 7 ล้านบาทขึ้นไป ที่แทบจะขายได้ไม่ได้
4. อาคารพาณิชย์มีอยู่เพียง 2,489 หน่วย ซึ่งมากกว่าทาวน์เฮ้าส์เสียอีก แต่ก็มีจำนวนไม่มากนักในตลาด กลุ่มอาคารพาณิชย์นับว่าขายดีในแทบทุกระดับราคา โดยคาดว่าจะขายหมดภายในเวลา 7.7 เดือน
5. อาคารชุดมีอยู่ทั้งหมด 16,290 หน่วย (หรือ 32% ของที่อยู่อาศัยทั้งหมดในเชียงใหม่) อาคารชุดขายได้ดีทุกระดับราคา นับเป็นกลุ่มที่อยู่อาศัยที่ขายดีที่สุดในจังหวัดเชียงใหม่
6. ที่ดินจัดสรรมีอยู่เพียง 193 หน่วย ขายในระดับราคาประมาณ 1 ล้านบาท ขณะนี้เหลือเพียง 26 หน่วย คาดว่าจะขายหมดภายในอีก 6 เดือนข้างหน้า

            สำหรับที่อยู่อาศัยเปิดใหม่ในปี 2557 มีทั้งหมด 52 โครงการ จำนวน 5,258 หน่วย รวมมูลค่า 16,372 ล้านบาท หรือเฉลี่ยหน่วยละ 3.114 ล้านบาท การนี้สินค้าใหม่ในปี 2557 มีราคาสูงกว่าราคาเฉลี่ยทั่วไปที่ 2.714 ล้านบาท ทั้งนี้คงเป็นเพราะโอกาสในการสร้างสินค้าราคาถูกมีน้อยลง ในจำนวนนี้ขายได้ 1,516 หน่วย (29%) เหลือ 3,742 หน่วย สินค้าใหม่ปี 2557 เหล่านี้คาดว่าจะขายหมดในเวลา 11.6 เดือน ซึ่งกลับนานกว่าค่าเฉลี่ยของทั้งหมดที่ 8.6 เดือน แสดงว่านับตั้งแต่ปี 2558 เป็นต้นมาการขายสินค้าที่อยู่อาศัยชะลอตัวลงเป็นอย่างมาก

            เมื่อดูในรายละเอียดของสินค้าเปิดใหม่ปี 2557 จะเป็นราคา 3-5 ล้านบาทเป็นกลุ่มใหญ่สุด จำนวน 1,894 หน่วย (36%) รองลงมาคือราคา 2-3 ล้านบาท จำนวน 1,591 หน่วย (30%) และราคา 1-2 ล้านบาท จำนวน 1,377 หน่วย (26%) จากทั้งหมด 5,258 หน่วย ในขณะเดียวกันสินค้าที่เปิดในราคาเกิน 5 ล้านบาทแทบไม่มีเลย

            ปรากฎการณ์สำคัญในปี 2557 ก็คือ อาคารชุดเปิดตัวมากที่สุดถึง 49% (หรือ 2,579 หน่วย) โดยกลุ่มใหญ่ที่สุดเปิดในราคา 1-2 ล้านบาท จำนวน 1,367 หน่วย ในจำนวนอาคารชุดที่เปิดในปี 2557ทั้งหมดคาดว่าจะขายหมดในเวลา 6.2 เดือน นับจากตั้นปี 2558 เป็นต้นมา แสดงว่าที่อยู่อาศัยกลุ่มเปิดจำนวนมากและขายได้ดีพอสมควร

            สำหรับบ้านเดี่ยวในจังหวัดเชียงใหม่ที่เปิดในปี 2557 มีอยู่ถึง 43% (หรือ 2,285 หน่วย) โดยกลุ่มใหญ่ที่สุดเปิดในราคา 3-5 ล้านบาท อย่างไรก็ตามอัตราการขายค่อนข้างช้ามาก โดยคาดว่าจะขายหมดในเวลาอีก 29 เดือนข้างหน้า นอกจากนั้นยังมีบ้านแฝดอีก 3% (175 หน่วย) ที่เปิดใหม่ในปี 2557 แต่การขายค่อนข้างช้า ส่วนอาคารพาณิชย์มีเปิดตัว 4% (หรือ 219 หน่วย) และปรากฏว่าไม่มีการเปิดตัวโครงการทาวน์เฮ้าส์เลย

            สำหรับในปี 2558 พบโครงการใหม่ประมาณ 5 โครงการ โดยมีโครงการของบริษัทมหาชนได้แก่ บมจ.ศุภาลัย  และบมจ.ควอลิตี้เฮ้าส์ ที่เปิดตัวโครงการบ้านวรารมย์ และยังพบโครงการอาคารชุดอีก 1 โครงการที่เปิดใหม่ในปี 2558 การที่โครงการเปิดใหม่น้อยมากแสดงว่าสถานการณ์การขายไม่ดีหรือน่าห่วงใย การสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคอาจเป็นแนวทางสำคัญในการกอบกู้ตลาดที่อยู่อาศัยในจังหวัดเชียงใหม่ในอนาคต