อ่าน 1,313 คน
AREA แถลง ฉบับที่ 22/2553: 9 เมษายน 2553
AREA จ่ายโบนัส 1.5 เดือนรวม 4 ล้านบาท

ผู้แถลง: ดร.โสภณ พรโชคชัย
ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย
บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส
sopon@area.co.th

          เมื่อเร็ว ๆ นี้ ศูนย์ข้อมูล วิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส ได้จัดการอบรมเพื่อนร่วมงาน (พนักงาน) ทั่วประเทศ และจ่ายโบนัส ดร.โสภณ พรโชคชัย ในฐานะประธานกรรมการ ได้ให้สัมภาษณ์พิเศษเกี่ยวกับการทำนุบำรุงเพื่อนร่วมงาน ซึ่งถือเป็นกิจกรรม CSR หรือความรับผิดชอบต่อสังคมของวิสาหกิจส่วนหนึ่ง คือในส่วนที่รับผิดชอบต่อเพื่อนร่วมงาน
          เรื่องนี้มองได้ทั้งในแง่ของการบริหารวิสาหกิจให้ทำกำไรได้อย่างไรในภาวะวิกฤติ แต่ในที่นี้เลือกนำเสนอในแง่มุมของ CSR เพราะความรับผิดชอบสำคัญประการหนึ่งของวิสาหกิจก็คือความรับผิดชอบต่อลูกจ้างหรือพนักงาน นอกเหนือจากความรับผิดชอบต่อผู้ถือหุ้น ต่อลูกค้า ต่อชุมชนโดยรอบ ต่อสังคมโดยรวม และต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอื่น

จ่ายโบนัส
          บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (AREA: Agency for Real Estate Affairs) เป็นศูนย์ข้อมูล วิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ที่มีฐานข้อมูลที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยและครอบคลุมการดำเนินงานในประเทศอาเซียนด้วย ในขณะนี้มีเพื่อนร่วมงาน (พนักงาน) อยู่ทั้งหมด 150 คนที่ปฏิบัติงานสำนักงานใหญ่และสาขาในภูมิภาค
          AREA มีเพื่อนร่วมงาน 108 คนที่ทำงานมาครบ 1 ปีจนได้รับโบนัสประจำปีเฉลี่ยคนละ 1.5 เดือน หรือรวมเป็นเงินเกือบ 4 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นประเพณีทุกปีนับตั้งแต่ก่อตั้ง AREA เมื่อปี 2534 ที่จ่ายโบนัสปีละครั้ง และปรับเพิ่มเงินเดือนปีละ 2 ครั้ง แม้ในช่วงวิกฤติปี 2540 และ 2552 ก็ตาม
          ดร.โสภณ กล่าวว่า ถ้าเราจะ ‘ตีหน้าเศร้า เล่าความเท็จ’ (หรือความจริงบางส่วน) ก็คงทำได้ว่าสถานการณ์ขณะนี้ไม่ดี ไม่มีการจ่ายโบนัส อย่างไรก็ตาม AREA ก็ยังจ่ายโบนัสในสัดส่วนเดิม เพราะเรามี CSR ที่แท้ที่มุ่งรับผิดชอบต่อเพื่อนร่วมงานซึ่งเป็นผู้มีส่วนได้ ส่วนเสียที่สำคัญยิ่งเช่นกัน

ทำไมจึงจ่ายโบนัสได้
          หากวิสาหกิจนี้มีระบบสวัสดิการชั้นดีสำหรับผู้บริหาร มีรถหรูประจำตำแหน่ง อยู่กินราวกับเจ้าขุนมูลนายใหญ่โต พร้อมค่าใช้จ่ายด้านการบันเทิง โอกาสที่จะมีโบนัสให้พนักงานก็คงจะน้อย อย่างไรก็ตามสำหรับกิจการ (กึ่ง) ผูกขาดหลายแห่ง ซึ่งสามารถทำกำไรได้มหาศาลด้วยต้นทุนที่ต่ำมากในการขุดค้นทรัพยากรธรรมชาติ ก็อาจมีระบบสวัสดิการที่หรูเลิศได้โดยยังมีการจ่ายโบนัสอย่างงามเช่นกัน
          สำหรับ AREA ตัวเลขการประกอบการในปีงบประมาณ 2551-52 นี้ปรากฏว่า ปริมาณงานของเรายังไม่ได้ลดลง ทั้งนี้เพราะได้รับความเชื่อถือจากผู้ใช้บริการ โดย AREA เป็นที่ปรึกษาที่ไม่เป็นนายหน้าและไม่พัฒนาที่ดินเอง ทั้งนี้เพื่อความเป็นกลางทางวิชาชีพ และยังลงทุนพัฒนาระบบงานต่าง ๆ จนสามารถแข่งขันได้ในระดับสากล
          อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาจากตัวเลขผลการประกอบการกลับพบว่า รายได้ลดลง ต้นทุนเพิ่มขึ้นและแน่นอนว่ากำไรสุทธิก็ย่อมลดลงด้วย แต่ก็ยังจ่ายโบนัสเพราะไม่อาจโกงเพื่อนร่วมงาน และถือว่าเพื่อนร่วมงานเป็นทรัพยากรสำคัญที่เราต้องดูแลให้ดีที่สุด AREA เชื่อว่า ‘ยิ่งให้ ยิ่งได้’ และ ‘ทำดีได้ดี’ ข้อนี้ไม่ใช่การ ‘อมพระมาพูด’ แต่เป็นเรื่องจริงจากการลงทุนกับเพื่อนร่วมงานนั่นเอง

เพื่อนร่วมงานของเราสำคัญจริง
          วิสาหกิจทั้งหลายมักจะบอกว่าพนักงานเป็นทรัพยากรที่ทรงคุณค่าที่สุดของวิสาหกิจตน แต่ส่วนมากคำกล่าวดังกล่าวเป็นเพียงคำหวานเสียมากกว่า วิสาหกิจประเภทโรงงาน ปัจจัยการผลิตหลัก ไม่ใช่พนักงาน แต่เป็นเครื่องจักรกลต่างหาก ถ้าเป็นสถาบันการเงิน ปัจจัยการผลิตหลักก็คือ เงิน (ต่อเงิน) พนักงานเป็นเพียงฟันเฟืองเล็ก ๆ ที่จะ ‘จ้างออก’ เมื่อไหร่ก็ได้ ถ้าเป็นบริษัทพัฒนาที่ดิน ปัจจัยการผลิตหลักอยู่ที่อสังหาริมทรัพย์ พนักงานเป็นเพียงปัจจัยเล็ก ๆ เช่นกัน
          แต่สำหรับวิสาหกิจในสาขาบริการ พนักงานเป็นปัจจัยการผลิตหลัก AREA จึงต้องจัดฝึกอบรมเพื่อนร่วมงานทั้งองค์กรปีละ 2 ครั้ง จัดอบรม-สอบสัปดาห์เว้นสัปดาห์ ส่งไปเรียนนอก ส่งไปเรียนต่อปริญญาโท ส่งไปอบรมภายนอก ฯลฯ เพื่อเคี่ยวเข็ญให้มีความสามารถเพิ่มขึ้น ดังนั้นจึงไม่มีเพื่อนร่วมงานประเภท ‘แก่เพราะกินข้าว เฒ่าเพราะอยู่นาน’ หนทางที่วิสาหกิจจะเจริญได้ ก็คือการ ‘เกาะใบบุญ’ ตามการพัฒนาของเพื่อนร่วมงานนั่นเอง ถ้าพวกเขาไม่พัฒนา โอกาสที่วิสาหกิจจะก้าวไปข้างหน้าคงลำบาก

ทำอะไรให้เพื่อนร่วมงานบ้าง
เพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจนยิ่งขึ้น จึงขออนุญาตแจกแจงให้เห็นว่า AREA ได้ลงทุนอะไรกับเพื่อนร่วมงานบ้าง เช่น

  • เงินฝากให้พนักงาน (3% ของเงินเดือน) ปีละประมาณ 648,000 บาท
  • บริการเครื่องดื่มและเครื่องสันทนาการ ปีละประมาณ 240,000 บาท
  • เงินช่วยเหลือคลอดบุตร แต่งงาน บวช (คนละ 4,000 บาท) ปีละประมาณ 60,000 บาท
  • ทุนการศึกษาบุตรเพื่อนร่วมงาน (คนละ 5,000 บาท) ปีละประมาณ 150,000 บาท
  • การจัดงานวันเกิด ปีละประมาณ 96,000 บาท
  • การจัดท่องเที่ยวที่ AREA จ่ายให้ ปีละประมาณ 250,000 บาท
  • การสัมมนาประจำปี (2 ครั้งต่อปี) ปีละประมาณ 500,000 บาท
  • การศึกษา ดูงานทั้งใน-ต่างประเทศ ปีละประมาณ 400,000 บาท
  • รางวัลพนักงานดีเด่นรายเดือนและปี ปีละประมาณ 64,000 บาท
  • การประชุม 2 สัปดาห์ต่อครั้งตลอดปี ปีละประมาณ 325,000 บาท
  • งบประมาณสนับสนุนการท่องเที่ยว ปีละประมาณ 150,000 บาท

          เงินจำนวนประมาณ 2.8 ล้านบาทที่จ่ายไปนี้ นอกจากทำให้เกิดความรู้สึกดีที่ได้ให้แล้ว ยังถือเป็นการลงทุนเพื่อหวังผลตอบแทน (ไม่ใช่การ ‘ทำดีโดยไม่หวังผลตอบแทน’) ให้เพื่อนร่วมงานมีความแตกต่างและทำให้วิสาหกิจสามารถ ‘ฝากผีฝากไข้’ กับพวกเขาได้อีกด้วย

สรุป
          อาจกล่าวได้ว่า CSR กับพนักงานนั้น หัวใจสำคัญไม่ใช่อยู่ที่การชวนพนักงานไปบำเพ็ญประโยชน์ แต่อยู่ที่การทำนุบำรุงพวกเขาให้เติบใหญ่อย่างยั่งยืนไปพร้อมกับวิสาหกิจของเรา การแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม ในส่วนที่เกี่ยวกับพนักงานในฐานะผู้มีส่วนได้ส่วนเสียสำคัญนั้น จึงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ หากพนักงานของวิสาหกิจใดยังย่ำอยู่กับที่ทั้งที่ทำงานโดยสุจริตและไม่สุรุ่ยสุร่ายหรือโชคร้ายมา 10-20 ปี ในขณะที่วิสาหกิจนั้นกลับเติบใหญ่ไพศาล ก็อาจอนุมานได้ว่าวิสาหกิจนั้นยังขาด CSR นั่นเอง

ผู้แถลง:
ดร.โสภณ พรโชคชัย (sopon@area.co.th) ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส หรือ AREA (www.area.co.th): ในฐานะศูนย์ข้อมูล-วิจัยและประเมินค่าทรัพย์สินที่มีฐานข้อมูลภาคสนามขนาดใหญ่ที่สุด ได้รับ ISO 9001-2008 ทั้งระบบแห่งแรกในฐานะที่ปรึกษาอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย ได้รับรางวัลจรรยาบรรณดีเด่น และเป็นสมาชิก UN Global Compact อีกด้วย

2024 Copyright © by area.co.th All Rights Reserved