โรงไฟฟ้าถ่านหิน นานาชาติเอาหรือไม่
  AREA แถลง ฉบับที่ 267/2558: วันอังคารที่ 08 กันยายน 2558

ผู้แถลง: ดร.โสภณ พรโชคชัย
ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย
บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส sopon@area.co.th https://www.facebook.com/dr.sopon4

            ที่ผ่านมา มีข่าวคราวการต่อต้านโรงไฟฟ้ากระบี่ของไทยจนถึงกับมาประท้วงถึงหน้าทำเนียบ ทำเอาท่านนายกฯ ต้องกลับออกทางประตูหลังเพื่อลดการเผชิญหน้า เรื่องโรงไฟฟ้าในฐานะอสังหาริมทรัพย์ประเภทหนึ่งนี้ แท้จริงในต่างประเทศเป็นอย่างไรบ้าง

ไฟฟ้าจากถ่านหิน พลังงานสะอาด!
            อันที่จริงถ่านหินอยู่ในช่วง "ขาขึ้น" คือมีการใช้สอยกันมาก นัยว่าแม้ถ่านหินสกปรก แต่มีกระบวนการผลิตที่สะอาด ต่างจากพลังงานจากแดดที่สะอาด แต่มีความสกปรกด้านการจัดซื้อ เพราะราคาแสนแพงทั้งที่แทบไม่มีเทคโนโลยีอะไรเลย เท่ากับมีการโกงกันแต่แรกแล้ว จนทำให้ราคาขายไฟฟ้าต่อหน่วยสูงกว่าการผลิตจากแหล่งอื่นเช่น จากถ่านหรือหรือแก๊สธรรมชาติถึง 3 เท่าตัว นี่เท่ากับเป็นการผลักดันไทยให้ต้องพึ่งพิงเทคโนโลยีในราคาแพง ถือเป็นการทำลายผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติ
            อันที่จริงกรีนพีซเองก็ยังยอมรับว่ามาเลเซีย ซึ่งมีน้ำมันและแก๊สมหาศาลกว่าไทย ยังจะเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากถ่านหินจากร้อยละ 33 ในปัจจุบันเป็นร้อยละ 64 ภายในปี พ.ศ. 2562 (http://bit.ly/1MMKose)  ผมจึงแปลกใจว่าแล้วทำไมไทยกลับถูกขัดขวางไม่ให้ใช้ถ่านหินที่มีกระบวนการผลิตที่สะอาดปลอดภัย ซึ่งได้รับการพิสูจน์ในมาเลเซีย สิงคโปร์ จีน อินเดีย ฯลฯ
            การใช้ถ่านหินผลิตไฟฟ้า ใช้ถึงประมาณ 41% ทั่วโลก (http://bit.ly/1PKNOLA) ในอนาคต ยังจะมีการใช้พลังงานจากถ่านหินอีกมาก เทคโนโลยีโรงไฟฟ้าถ่านหินยุคใหม่คือการไม่เพิ่มมลภาวะทางอากาศ จนกลายเป็นเทคโนโลยี (ถ่านหิน) สะอาด Clean Coal Technology ไม่ใช่ถ่านหินสะอาดที่ก่อมลภาวะเกือบเท่าศูนย์ (Near-zero Emissions) (http://bit.ly/1O7qCXi)

อย่ากลัว โรงงานถ่านหินมีอยู่ทั่วไป
            คณะนักวิจัยสหวิชาชีพของสถาบันเทคโนโลยีแห่งแมสซาขูเซ็ตต์ (MIT) ได้จัดทำรายงานเกี่ยวกับถ่านหินไว้เมื่อปี 2550 และพบว่าแม้ถ่านหินจะเป็นพลังงานที่ไม่สะอาดเช่นนิวเคลียร์ แต่สามารถที่จะทำให้กระบวนการผลิตไฟฟ้าจากถ่านหินสะอาดได้ และมีความจำเป็นในการใช้ถ่านหินเพิ่มขึ้น ถ่านหินมีราคาถูกและมีปริมาณมหาศาลในโลกนี้ จึงเหมาะที่จะนำมาใช้ ในเชิงเทคโนโลยีสามารถทำให้กระบวนการผลิตไฟฟ้าสะอาดได้แน่นอน (http://bit.ly/1O7qHub)

            ทุกวันนี้ไทยมีโรงไฟฟ้าถ่านหิน 5 โรง และในประเทศเพื่อนบ้านเราต่างมีโรงไฟฟ้าถ่านหิน เช่น อินเดีย 139 โรง จีน 80 โรง ออสเตรเลีย 32 โรง ญี่ปุ่น 31 โรง อินโดนีเซีย 19 โรง ฟิลิปปินส์ 9 โรง เวียดนาม 8 โรง มาเลเซีย 7 โรง แม้แต่ไต้หวัน ฮ่องกง ศรีลังกา เมียนมาและสิงคโปร์ก็ยังมีโรงไฟฟ้าถ่านหินโดยไม่กลัว (มาก) เช่นในประเทศไทย

กรณีศึกษามาเลเซีย
            สำหรับโรงไฟฟ้าถ่านหินมาเลเซีย มีดังนี้:
            1. Jimah Power Station โรงงานนี้สร้างอยู่ริมทะเล ไม่ได้สร้างอยู่บนฝั่งเช่นโรงไฟฟ้ากระบี่ ที่สำคัญอยู่ใกล้แหล่งรีสอร์ตขนาดใหญ่และสวยงาม และชุมชน เคยมีผู้ร้องว่าจะไม่ปลอดภัยต่อชุมชนเมื่อปี 2552 แต่จนบัดนี้ก็ไม่เคยมีข่าวใหญ่เกี่ยวกับเรื่องนี้เลย เมื่อตรวจสอบจากความเห็นทั้งทางบวกและลบต่อรีสอร์ตใกล้โรงไฟฟ้า ก็ไม่มีใครบ่นเรื่องนี้แต่อย่างใด
            2. โรงไฟฟ้า Manjung ก็สร้างออกมานอกฝั่งเล็กน้อย อยู่ใกล้รีสอร์ตและชุมชน แต่ก็ไม่มีเสียงบ่นเกี่ยวกับเรื่องนี้ นี่แสดงให้เห็นชัดว่า โรงไฟฟ้าถ่านหินไม่ได้มีผลเสียอย่างเด่นชัดต่อชุมชนดังที่พวก NGOs พยายามสร้างภาพให้กลัว
            3. โรงไฟฟ้า KPAR ตั้งอยู่ห่างจากกรุงกัวลาลัมเปอร์เพียง 56 กิโลเมตรเท่านั้น ถือว่าใกล้มาก เช่นระยะทางจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย (กม.0) ไปถึงมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์รังสิต (กม.42 จากดินแดง) ขนาดชาวกรุงกัวลาลัมเปอร์ยังไม่กลัว โรงงานก็สร้างก่อนไทยที่จะมีเทคโนโลยีที่ใหม่กว่าเสียอีก
            4. โรงไฟฟ้าถ่านหิน Tangjung Bin ของมาเลเซียนี้อยู่ติดชายแดนสิงคโปร์ ถ้ามีปัญหา สิงคโปร์ก็คงคงไม่ยอมเช่นกัน นี่ก็เป็นข้อพิสูจน์ถึงความปลอดภัยของโรงไฟฟ้าถ่านหิน ตีโต้ความเชื่อผิดๆ ของ NGOs
            โรงไฟฟ้าทุกโรงของมาเลเซีย อยู่ติดทะเลเลย อยู่ติดพื้นที่ชุ่มน้ำก็มี ไร้ปัญหา แม้แต่สิงคโปร์ก็เริ่มมีโรงไฟฟ้าถ่านหินแล้ว ในนครสีหนุวิลล์ ซึ่งเป็นเมืองตากอากาศอันดับหนึ่งของกัมพูชา ก็มีโรงไฟฟ้าถ่านหินที่ลงทุนโดยนักลงทุนมาเลเซียโรงหนึ่ง และของจีนอีกด้วย  ส่วนโรงไฟฟ้าถ่านหิน BLCP ของไทยที่ระยอง ก็อยู่กลางทะเล นี่ถือเป็นบทพิสูจน์ความปลอดภัยว่าโรงไฟฟ้าถ่านหินสมัยใหม่มีความปลอดภัย

ผลการศึกษาบอกว่าไม่มีอันตราย
            จะเห็นได้ว่า โรงไฟฟ้าถ่านหินไม่มีผลต่อสุขภาพของประชาชนตามที่พวกต่อต้านพยายามสร้างความหวาดกลัวเลย ทั้งนี้เป็นผลการศึกษาของอาจารย์จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมาเลเซีย มหาวิทยาลัยเคบังซาน ร่วมกับนักวิจัยอิสระซึ่งผลการศึกษานี้ได้นำเสนอในที่ประชุมวิชาการนานาชาติเมื่อเดือนมิถุนายน 2556 ที่ผ่านมา (http://goo.gl/BHb6yb) ดังนั้นรัฐบาลจึงไม่ควรเชื่อคำพูดข่มขู่ให้ประชาชนหวาดกลัวแต่อย่างใด
            อาจมีคนทำวิจัยออกมาว่ามีผลเสียต่อสุขภาพบ้าง แต่สิ่งที่พิสูจน์ได้มากกว่าผลวิจัยก็คือ หลังจากโรงไฟฟ้าอยู่ในพื้นที่มาหลายปี ก็ไม่มีเสียงบ่นดังๆ จากประชาชน หรือนักท่องเที่ยวที่ไปใช้บริการรีสอร์ต โรงแรมต่าง ๆ แต่อย่างใด การลวงคนด้วยการขายความกลัวนั้น ประชาชนอย่าได้หลงเชื่อ พวก NGOs คงไม่มาร่วมรับผิดชอบหากขาดแคลนพลังงานแต่อย่างใด (http://bit.ly/1MCbFiw)
            จะสังเกตได้ว่ากระบี่มีโรงไฟฟ้าลิกไนต์ตั้งแต่ปี 2509-2538 แต่รีสอร์ตต่าง ๆ ก็เกิดขึ้นเป็นดอกเห็ด ไม่มีท่าทีเกรงกลัวโรงไฟฟ้า ดูท่าแล้วเราสร้างโรงไฟฟ้าที่กระบี่น่าจะทำได้ครับ

อ่าน 4,796 คน
2024 Copyright © by area.co.th All Rights Reserved