การรักษาสิ่งแวดล้อมเป็นธงนำที่สำคัญที่สุดของการพัฒนาที่อยู่อาศัยในกรุงเฮลซิงกิหรืออาจจะทั่วทั้งประเทศฟินแลนด์ เขาพัฒนาโครงการกันอย่างไรให้ประสบความสำเร็จ
เมื่อวันเสาร์ที่ 12 กันยายน 2558 คณะของมูลนิธิประเมินค่าทรัพย์สินแห่งประเทศไทย ได้ไปดูงานหมู่บ้านซึ่งเป็นโครงการรักษ์สิ่งแวดล้อมชื่อ “วีกคิ” (Viikki) โดยเป็นโครงการที่ได้รับรางวัลระดับนานาชาติและยังได้นำเสนอผลงานไปในการประชุมเกี่ยวกับที่อยู่อาศัยในประเทศต่าง ๆ หลายแห่ง
ประชากรในกรุงเฮลซิงกิมีประมาณ 600,000 คน โดยประมาณถึง 49.7% เป็นครอบครัวที่มีคนเพียงคนเดียว มี 2 คนมีอยู่ 30.2% อย่างไรก็ตามที่อยู่อาศัยที่มีห้องนอนเดียวมีเพียง 24% ที่เป็น 2 ห้องนอนมี 36% นอกนั้นมีขนาด 3 ห้องนอนขึ้นไป ที่อยู่อาศัยส่วนใหญ่เป็นที่อยู่อาศัยรวม ผู้ที่สามารถอยู่เป็นบ้านเดี่ยวมีเพียง 13% เท่านั้น ทั้งนี้ที่อยู่อาศัยรวมยังแยกเป็นห้องชุดและห้องเช่าอย่างละเท่า ๆ กัน
การผลิตที่อยู่อาศัยในกรุงเฮลซิงกิมีเพียง 3,000 – 5,000 หน่วยเท่านั้น และ 70% ของที่อยู่อาศัยสร้างบนที่ดินของกรุงเฮลซิงกิเอง ที่ดินจะถูกเช่า ณ อัตรา 4% ของราคาตลาดของที่ดิน ทั้งนี้เทศบาลกรุงเฮลซิงกิเป็นผู้ควบคุมราคาและคุณภาพของที่อยู่อาศัยตามนโยบายสวัสดิการสังคม ที่อยู่อาศัยราว 30% ผลิตโดยเทศบาลกรุงเฮลซิงกิเองโดยเฉพาะที่อยู่อาศัยสำหรับประชาชนทั่วไป นักพัฒนาที่ดินเอกชนคงเน้นสร้างให้ผู้มีรายได้สูงกว่า
ที่อยู่อาศัยในโครงการวีกคินี้ 42% ผลิตโดยภาคเอกชนบนที่ดินของรัฐ 11% เป็นหอพักนักศึกษาเพราะมหาวิทยาลัยเฮลซิงกิมีอยู่ 4 คณะที่ตั้งอยู่แถวนี้ ถึง 31% เป็นที่อยู่อาศัยสำหรับประชาชนที่เทศบาลกรุงเฮลซิงกิผลิตเอง และอื่น ๆ โครงการนี้มีขนาด 7,062.5 ไร่ โดยครอบคลุมพื้นที่พักผ่อนและธรรมชาติถึง 5,250 ไร่ โครงการนี้เริ่มตั้งแต่ปี 2532 จุดเด่นของโครงการนี้ก็คืออยู่ใกล้กับทางด่วน (ไม่ต้องเสียเงิน) ทำให้เดินทางสะดวก แต่ปกติก็มีรถไฟ และสามารถขี่จักรยานได้เพราะห่างจากเมืองไม่ถึง 10 กิโลเมตร คาดว่าในปี 2558 นี้จะมีประชากร 17,000 คน มีงาน 6,000 ตำแหน่ง และมีนักศึกษา 6,000 คน
ในด้านสิ่งแวดล้อม ที่อยู่อาศัยส่วนใหญ่จะหันหน้าทางด้านใต้เพื่อรับแสงแดด และผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ โดยมากก่อสร้างเป็นแบบ Single Corridor โครงการนี้เป็นโครงการที่ผลิตไฟฟ้าจากแสงแดดขนาดใหญ่ที่สุดในฟินแลนด์ ทั้งนี้ 30% ของพลังงานผลิตใช้สอยเองภายในโครงการ ในโครงการยังมีแปลงพืชผักต่าง ๆ ไว้รับประทานและถือเป็นกิจกรรมกลางแจ้งร่วมภายในชุมชนอีกด้วย
ในกรณีราคาที่อยู่อาศัย เช่น ห้องชุด จะเป็นเงินตารางเมตรละ 180,000 บาท แต่ในกรณีบ้านแนวราบ จะเป็นเงินตารางเมตรละ 150,000 บาท ซึ่งถือว่าต่ำกว่าราคาในใจกลางกรุงเฮลซิงกินับเท่าตัว อย่างไรก็ตามอัตราผลตอบแทนประมาณ 5.6% (http://bit.ly/1LqGwsX) ซึ่งสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคารกลางของยูโรที่ 0.3% ผลตอบแทนที่สูง ๆ มาจากอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัยมากกว่าอสังหาริมทรัพย์ประเภทอื่น
อาจกล่าวได้ว่าในกรณีโครงการนี้ ความสำเร็จส่วนหนึ่งอยู่ที่ระบบคมนาคมขนส่งทั้งทางด่วนและรถไฟ และอีกส่วนหนึ่งมาจากการมีนักศึกษาอยู่เป็นจำนวนมากในพื้นที่นี้ การสร้างคุณภาพสิ่งแวดล้อมที่ดี เป็นจุดขายสำคัญประการหนึ่งของโครงการนี้