คาดในปี 2558 นักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทยอาจแตะ30 ล้านคนเป็นปีแรก แต่เป็นการเพิ่มขึ้นที่ถดถอย ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวหายไปรวม 13 ล้านคน สูญเม็ดเงินไป 792,413 ล้านบาท
ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) ได้นำข้อมูลของกรมการท่องเที่ยวมาวิเคราะห์ โดยในเบื้องต้นได้ประมาณการว่า จำนวนนักท่องเที่ยวในปี 2558 โดยรวมน่าจะเพิ่มขึ้นถึง 30.007 ล้านคน ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2557 ที่ 24.810 ล้านคนอยู่ 21% ทั้งนี้โดยนำตัวเลขจากข้อมูล 7 เดือนแรกของปี 2558 มาประมาณการให้เป็นข้อมูลทั้งปี
อย่างไรก็ตามการที่ตัวเลขอัตราการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นสูงกว่าอัตราเพิ่มของนักท่องเที่ยวในปี 2555 และ 2556 นั้น เป็นเพราะการฟื้นคืนภายหลังจากเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมืองที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปลายปี 2556 เป็นต้นมาจนถึงช่วงรัฐประหาร และการประกาศกฎอัยการศึกในภายหลังจากนั้น
หากนำสถิติการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวตลอดช่วงปี 2554-2556 มาประมาณการแล้ว หากไม่เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบในปี 2557 นักท่องเที่ยวน่าจะเพิ่มเป็น 31.190 ล้านคนแทนที่จะเป็นแค่ 24.810 ล้านคนไปแล้ว และในปี 2558 หากอัตราเพิ่มของนักท่องเที่ยวยังเท่าเดิม ก็จะกลายเป็น 36.646 ล้านคน เมื่อลบจำนวนนักท่องเที่ยวที่ควรจะเป็นกับจำนวนที่เป็นจริง ก็แสดงให้เห็นว่า การเกิดความขัดแย้งภายในประเทศ ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติหายไปในรอบ 2 ปีที่ผ่านมา (2557 และ 2558) ถึง 13.020 ล้านคน
ในทำนองเดียวกัน เมื่อพิจารณาถึงจำนวนเม็ดเงินที่ได้จากการท่องเที่ยวนั้น เม็ดเงินจากการท่องเที่ยวน่าจะเป็น 1,505,386 ล้านบาท แทนที่จะเป็นแค่ 1,172,798 ล้านบาท และเม็ดเงินในปี 2558 น่าจะเป็น 1,877,311 ล้านบาท แทนที่จะเป็น 1,47,486 ล้านบาท นี่แสดงว่าความไม่สงบและรัฐประหารที่ผ่านมา ทำให้รายได้จากการท่องเที่ยวหายไปถึง 792,413 ล้านบาท ความสูญเสียเหล่านี้ประเทศชาติและประชาชนโดยรวมเป็นผู้แบกรับภาระไป ทำให้ประเทศคู่แข่งที่ด้อยกว่าเรา เข้าใกล้คู่แข่งเช่นไทยมากขึ้น ส่งผลเสียต่อประเทศชาติในการแย่งชิงลูกค้านักท่องเที่ยวในระยะยาวของประเทศไทย
ทุกฝ่ายจึงควรจะสร้างความปรองดองกันอย่างแท้จริง ไม่ใช่อยากปรองดองยามฝ่ายตนทำท่าจะแพ้ หรือไม่อยากปรองดองยามฝ่ายตนมีชัย ทุกฝ่ายไม่ควรปล่อยให้เกิดสถานการณ์ที่จะมุ่งทำลายล้าง กีดกันหรือกระทั่งกำจัดศัตรูทางการเมืองฝ่ายตรงข้ามโดยไม่นำพาต่อความเสียหายของประเทศชาติ ในหลายประเทศคนต่างเชื้อชาติ ต่างศาสนา ต่างผิวพรรณยังอยู่ร่วมกันอย่างส้นติได้ แต่คนไทย-พุทธส่วนใหญ่ด้วยกันแท้ ๆ กลับตั้งแง่ปรองดองกันอยู่ใย