ด่วน เกิดปรากฏการณ์ประหลาดที่คาดว่าจำนวนที่อยู่อาศัยเปิดใหม่ในปี 2558 จะลดลง 11% แต่มูลค่าของตลาดกลับจะสวนทางเติบโตถึง 11% เช่นกัน ทั้งนี้เป็นเพราะตลาดทรุด แต่กลุ่มคนรวยยังซื้อบ้านได้

         ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส ได้นำผลการสำรวจตลาดที่อยู่อาศัยในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2558 มานำเสนอ และพบว่าจำนวนที่อยู่อาศัยในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลที่เปิดใหม่มี 78, 671 หน่วย รวมมูลค่าถึง 302,762 ล้านบาท

         อย่างไรก็ตามหากคำนวณถึงสิ้นปี 2558 คาดว่ามูลค่าการพัฒนาจะเพิ่มเป็น 381,764 ล้านบาท โดยมีจำนวนหน่วย 101,434 หน่วย ดังนั้นจึงอาจอนุมานได้ว่า จำนวนหน่วยเปิดใหม่จะลดลงจากปีก่อนถึง 11% แต่มูลค่าการพัฒนากลับจะเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 11% ปรากฏการณ์นี้จึงเป็นปรากฏการณ์ประหลาด ทั้งนี้เป็นเพราะราคาเฉลี่ยของบ้านเพิ่มจาก 3.020 ล้านบาทต่อหน่วย เป็น 3.764 ล้านบาทต่อหน่วย

         มีการเปิดตัวโครงการราคาแพงมากขึ้น แม้บ้านส่วนใหญ่จะมีจำนวนลดลงโดยเฉพาะในระดับราคา 1-5 ล้าบาท แต่บ้านราคา 5 ล้านบาทขึ้นไปกลับเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะราคา 20 ล้านบาทขึ้นไปกลับเพิ่มขึ้นเป็น 258% ส่วนมูลค่าเพิ่มขึ้นเป็นถึง 370% ที่เป็นเช่นนี้แสดงให้เห็นว่าผู้มีรายได้ปานกลางค่อนข้างน้อย รายได้ปานกลาง และรายได้ปานกลางค่อนข้างสูง (ซื้อบ้านได้ไม่เกิน 5 ล้านบาทต่อหน่วย) กลับมีกำลังซื้อลดลง การเปิดตัวโครงการใหม่จึงลดลง

         อย่างไรก็ตามบ้านราคาแพงกว่าที่ผู้ซื้อมีฐานะดีกว่ากลับเพิ่มขึ้น นี่แสดงว่าผู้มี่รายได้สูงไม่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ จึงยังสามารถซื้อบ้านได้เพิ่มขึ้น รวมทั้งผู้ซื้อชาวต่างประเทศอีกจำนวนหนึ่งด้วย ส่วนบ้านราคาถูก (ไม่เกิน 1 ล้านบาท) ก็กลับเพิ่มขึ้น ทั้งนี้เป็นผลพวงจากการเก็งกำไร ผู้ซื้อบ้านราคาถูกได้นั้น มักมีรายได้น้อย แต่ก็มีอีกส่วนหนึ่งเป็นผู้มีรายได้สูงที่มาเก็งกำไรเช่นกัน

         ดังนั้นภาวะในขณะนี้จึงไม่มีฟองสบู่ ไม่ได้มีความต้องการที่อยู่อาศัยมาก ไม่ได้มีการขาดแคลนที่อยู่อาศัย ยกเว้นภาคที่อยู่อาศัยราคาแพงที่ถือได้ว่ามีฟองสบู่เกิดขึ้นมากพอสมควร การส่งเสริมให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยซื้อบ้านในขณะนี้จึงไม่มีความจำเป็นนัก เพราะภาวะเศรษฐกิจไม่ดี การซื้อบ้านลงทุนกลายเป็นหนี้เป็นภาระและเป็นความเสี่ยงของประชาชน