AREA แถลง ฉบับที่ 3/2551: 20 กุมภาพันธ์ 2551
รายงานสถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ มกราคม 2551
ผู้แถลง: ดร.โสภณ พรโชคชัย
ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย
บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส
ในเดือนนี้มีจำนวนโครงการเกิดใหม่รวมทั้งสิ้น 23 โครงการ ซึ่งในเดือนนี้มีจำนวนโครงการเกิดใหม่ลดลงจากเดือนที่ผ่านมาจำนวน 3 โครงการ โดยลักษณะการพัฒนาโครงการเป็นการพัฒนาในกลุ่มที่อยู่อาศัยจำนวน 22 โครงการ และเป็นอสังหาริมทรัพย์ประเภทอื่นๆ อีกจำนวน 1 โครงการ (โปรดดูตารางที่ 1)
โครงการอสังหาริมทรัพย์ที่เกิดใหม่ทั้ง 23 โครงการที่กล่าวข้างต้น มีจำนวนหน่วยรวมกันทั้งสิ้น 6,637 หน่วย มีมูลค่าโครงการรวม 17,179 ล้านบาท ซึ่งประกอบด้วยอสังหาริมทรัพย์ประเภทต่างๆ ดังนี้:
ประเภท |
จำนวนหน่วยขาย |
% หน่วยขาย |
มูลค่าโครงการ (ลบ.) |
% มูลค่าโครงการ |
บ้านเดี่ยว |
760 |
12% |
2,789 |
16% |
บ้านแฝด |
- |
- |
- |
- |
ทาวน์เฮ้าส์ |
946 |
14% |
1,424 |
8% |
อาคารพาณิชย์ |
40 |
0.6% |
152 |
0% |
อาคารชุด |
4,532 |
69% |
9,446 |
56% |
ที่ดินจัดสรร |
- |
- |
- |
- |
RE (อื่น ๆ) |
359 |
5% |
3,369 |
20% |
รวม |
6,637 |
100% |
17,179 |
100% |
จะเห็นได้ว่าจำนวนอสังหาริมทรัพย์ที่เกิดขึ้นใหม่ในเดือนนี้พบว่ามีอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัยจำนวน 6,278 หน่วย หรือประมาณร้อยละ 95 และอสังหาริมทรัพย์ประเภทอื่นๆ อีกจำนวน 359 หน่วย หรือประมาณร้อยละ 5 ของจำนวนหน่วยที่เปิดขายทั้งหมด ซึ่งเป็นการพัฒนาในประเภทอาคารชุดตากอากาศและโฮมออฟฟิศ ในเดือนนี้ ประเภทที่อยู่อาศัยที่ยังมีการพัฒนามากเป็นพิเศษก็ยังคงเป็นอาคารชุดตามแนวรถไฟฟ้าอีกเช่นเคย โดยเฉพาะในพื้นที่ย่านพหลโยธิน, พญาไท, รัชดาภิเษก, สุทธิสาร, สุขุมวิท และตากสิน-สาทร ซึ่งในเดือนนี้มีหน่วยขายประเภทอาคารชุดมากถึง 4,532 หน่วย หรือประมาณ 69% ของจำนวนหน่วยขายทั้งหมด และเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนธันวาคมที่ผ่านมามีจำนวนหน่วยเพิ่มขึ้นจำนวน 1,432 หน่วย (เดือนที่ผ่านมามีจำนวน 3,100 หน่วย) หรือเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนประมาณ 32% ซึ่งถือว่าการพัฒนาที่อยู่อาศัยประเภทนี้มีการพัฒนาอยู่ค่อนข้างสูงอย่างต่อเนื่องและเป็นสินค้าที่มีการพัฒนามากกว่าอสังหาริมทรัพย์ประเภทอื่นๆ ส่วนการพัฒนาลำดับรองลงมาคือ ประเภททาวน์เฮ้าส์มีการพัฒนาอยู่จำนวน 946 หน่วย หรือประมาณ 14% ของจำนวนหน่วยขายทั้งหมด ส่วนอันดับ 3 ที่มีการพัฒนาคือประเภทบ้านเดี่ยวมีหน่วยขายจำนวน 760 หน่วย หรือประมาณ 12% ของจำนวนหน่วยขายทั้งหมด ส่วนที่อยู่อาศัยประเภทอื่นๆ ในเดือนนี้ยังมีการพัฒนาอยู่ค่อนข้างน้อย มีเพียง 359 หน่วย หรือมีอยู่เพียง 5% ของจำนวนหน่วยทั้งหมดในเดือนนี้ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความต้องการของผู้บริโภคที่ต้องการที่อยู่อาศัยในอาคารชุดตามแนวรถไฟฟ้าเป็นสำคัญ เพื่อแก้ปัญหาการจราจร และต้นทุนในการเดินทาง ดังนั้นในปัจจุบันการพัฒนาอาคารชุดจึงกลายเป็นสินค้าที่มีการพัฒนามากที่สุด
เมื่อพิจารณามูลค่ารวมของโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่เกิดใหม่ในเดือนธันวาคม มีจำนวนทั้งสิ้น 17,179 ล้านบาท ซึ่งมีมูลค่าสูงกว่าเดือนที่ผ่านมาจำนวน 2,748 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 19% และในเดือนนี้ลักษณะการพัฒนายังใกล้เคียงกับเดือนที่ผ่านมา คือยังเน้นพัฒนาที่อยู่อาศัยระดับราคาค่อนข้างถูกถึงปานกลางเป็นสำคัญ โดยเฉพาะที่ระดับราคาไม่เกิน 2 ล้านบาทมีการเปิดตัวมากที่สุด ซึ่งมีหน่วยขายมากถึง 63% ของจำนวนที่อยู่อาศัยที่เปิดขายทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาถึงมูลค่าโครงการโดยรวมจะสูงกว่าเดือนที่ผ่านมาถึง 19% และมีราคาขายเฉลี่ยต่อหน่วยเพิ่มขึ้นด้วย เนื่องจากการพัฒนาในเดือนนี้มีจำนวนหน่วยขายที่มีระดับราคา 3-5 ล้านบาทอยู่จำนวนประมาณ 10% และที่ราคาเกิน 5.000 ล้านบาทขึ้นไปอีกประมาณ 9% ของหน่วยขายทั้งหมด อีกทั้งยังมีมูลค่าสูงถึง 48% ของมูลค่าทั้งหมด จึงทำให้ราคาขายเฉลี่ยของเดือนนี้จึงมีราคาเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน โดยมีราคาขายเฉลี่ยที่ประมาณ (2.588 ล้านบาทต่อหน่วย) ซึ่งเดือนที่ผ่านมามีราคาขายเฉลี่ยที่ 2.354 ล้านบาทต่อหน่วย ในเดือนนี้พบว่าไม่มีหน่วยขายใหม่ที่มีราคาต่ำกว่า 0.501 ล้านบาทเลย และระดับราคาที่มีจำนวนหน่วยขายมากที่สุดจะอยู่ที่ระดับราคา 1.001-2.000 ล้านบาท มีจำนวนหน่วยขายมากถึง 2,964 หน่วย หรือประมาณ 45% ของหน่วยขายทั้งหมด ที่ระดับราคา 2.001-3.000 ล้านบาท มีจำนวนหน่วยขาย 1,259 หน่วย หรือประมาณ 19% ของหน่วยขายทั้งหมด ที่ระดับราคา 3.001-5.000 ล้านบาท มีจำนวนหน่วยขาย 644 หน่วย หรือประมาณ 10% ของหน่วยขายทั้งหมด ส่วนที่เหลืออีกประมาณ 9% จะเป็นหน่วยขายที่มีระดับราคาเกิน 5 ล้านบาทขึ้นไป
โดยรวมแล้ว จะพบว่าในเดือนนี้มีจำนวนหน่วยขายที่มีระดับราคาไม่เกิน 3.000 ล้านบาท มีจำนวนหน่วยขายอยู่มากที่สุด และมีมูลค่ารวมกันสูงถึง 51% ของมูลค่าทั้งหมด (8,866 ล้านบาท จากมูลค่ารวม 17,179 ล้านบาท) ส่วนมูลค่าที่ระดับราคา 3.001-5.000 ล้านบาท มีมูลค่ารวมกันประมาณ 14% ของมูลค่าทั้งหมด (2,427 ล้านบาท จากมูลค่ารวม 17,179 ล้านบาท) ส่วนที่เหลืออีก 9% เป็นหน่วยขายที่มีระดับราคาเกิน 5 ล้านบาท ซึ่งมีจำนวนหน่วยอยู่เพียง 581 หน่วย หรือประมาณ 9% ของหน่วยขายทั้งหมดเท่านั้น แต่มีมูลค่าโครงการสูงถึง 34% ของมูลค่าทั้งหมด (5,887 ล้านบาท จากมูลค่ารวม 17,179 ล้านบาท) ซึ่งราคาขายเฉลี่ยของหน่วยขายที่มีระดับราคาเกิน 5 ล้านบาทขึ้นไปมีราคาเฉลี่ยต่อหน่วยสูงถึง 10.133 ล้านบาท ซึ่งราคาขายเฉลี่ยจะต่ำกว่าเดือนที่ผ่านมาประมาณ 33% (เดือนก่อนราคาเฉลี่ยที่ 7.610 ล้านบาท) เมื่อพิจารณาถึงผู้ประกอบการที่เปิดตัวโครงการใหม่ในเดือนนี้ จะพบว่าเป็นบริษัทมหาชนในตลาดหลักทรัพย์เป็นสำคัญมีจำนวน 6 บริษัท คือ บริษัท ธารารมณ์ เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน), บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) จำนวน 3 โครงการ, บริษัท รสา พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน), บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน), อารียา พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) และ บริษัท เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) นอกจากนี้ก็ยังมีบริษัททั่วไปที่ไม่ใช่บริษัทมหาชนในตลาดหลักทรัพย์อีกจำนวนหนึ่ง ผู้แถลง:
ดร.โสภณ พรโชคชัย (sopon@area.co.th) ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส หรือ AREA (www.area.co.th): ในฐานะศูนย์ข้อมูล-วิจัยและประเมินค่าทรัพย์สินที่มีฐานข้อมูลภาคสนามขนาดใหญ่ที่สุด ได้รับ ISO 9001-2008 ทั้งระบบแห่งแรกในฐานะที่ปรึกษาอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย ได้รับรางวัลจรรยาบรรณดีเด่น และเป็นสมาชิก UN Global Compact อีกด้วย |