ในเดือนพฤศจิกายน ภาพรวมของอสังหาริมทรัพย์ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลยังคงมีการเปิดตัวโครงการเพิ่มมากขึ้น โดยในเดือนนี้ มีจำนวนโครงการเปิดขายใหม่ทั้งหมด 43 โครงการ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคม 2558 จำนวน 7 โครงการ พร้อมทั้งมีมูลค่าโครงการ และราคาขายเฉลี่ยต่อหน่วยเพิ่มขึ้นด้วย ยกเว้นจำนวนหน่วยขายที่ลดลง ซึ่งลักษณะการพัฒนาเป็นการพัฒนาในกลุ่มที่อยู่อาศัยทั้ง 43 โครงการ มีจำนวนหน่วยขายรวม 9,066 หน่วย และมีมูลค่าการพัฒนาโครงการรวม 54,444 ล้านบาท
จำนวนอสังหาริมทรัพย์ที่เกิดขึ้นใหม่ในเดือนนี้มีทั้งหมด 9,066 หน่วย ลดลงจากเดือนที่ผ่านมาจำนวน -2,114 หน่วย (เดือนตุลาคม 2558 มีจำนวน 11,180 หน่วย) หรือ ลดลงประมาณ -19% เนื่องจากมีการเปิดตัวที่อยู่อาศัยแนวราบเพิ่มขึ้น และมีขนาดโครงการเล็กลง จึงทำให้มีจำนวนหน่วยขายลดลงตาม โดยประเภทที่มีจำนวนหน่วยเปิดขายใหม่มากที่สุดในเดือนนี้ ยังคงเป็นอาคารชุดเช่นเดิม แต่มีสัดส่วนของหน่วยขายลดลงโดยมีจำนวนหน่วยเปิดขาย 3,979 หน่วย (43.9%) รองลงมาคือ ทาวน์เฮ้าส์ 3,526 หน่วย (38.9%) ส่วนอันดับ 3 คือ บ้านเดี่ยว 1,071 หน่วย (11.8%) ของจำนวนหน่วยขายที่เปิดขายใหม่ทั้งหมด
จำนวนหน่วยขายของที่อยู่อาศัยหลัก ได้แก่ อาคารชุด ทาวน์เฮ้าส์ และบ้านเดี่ยว พบว่า จำนวนหน่วยขายของทาวน์เฮ้าส์ มีจำนวนเพิ่มขึ้น แต่หน่วยขายของบ้านเดี่ยว และอาคารชุด กลับลดลง โดยทาวน์เฮ้าส์ มีจำนวนหน่วยขายเพิ่มขึ้น 2,445 หน่วย (226%) ส่วนบ้านเดี่ยวมีจำนวนหน่วยขายลดลง -682 หน่วย (-39%) และอาคารชุด มีจำนวนลดลง -4,098 หน่วย (-51%) ซึ่งทำเลที่มีการเปิดขายใหม่ส่วนใหญ่ ที่อยู่อาศัยแนวราบเช่นบ้านเดี่ยว และทาวน์เฮ้าส์จะตั้งอยู่ในบริเวณเขตติดต่อเมือง และพื้นที่รอบนอก เช่น ถนนบางนา-ตราด แพรกษา รามอินทรา พระราม 2 เพชรเกษม และในพื้นที่จังหวัดนนทบุรี ส่วนอาคารชุดจะกระจุกตัวอยู่ในเขตใจกลางธุรกิจเป็นสำคัญ เช่น ย่านสุขุมวิท พหลโยธิน และมีส่วนหนึ่งที่ตั้งอยู่ตามแนวรถรถไฟฟ้าที่จะเปิดใช้ในอนาคต เช่นย่านสะพานใหม่ และแนวรถไฟฟ้าสายสีม่วง (บางซื่อ-บางใหญ่) เป็นต้น
ประเภทที่มีมูลค่าการพัฒนาสูงสุด คืออาคารชุด 26,027 ล้านบาท (48%) รองลงมาคือ บ้านเดี่ยว 16,684 ล้านบาท (31%) ส่วนอันดับ 3 คือ บ้านทาวน์เฮ้าส์ 9,747 ล้านบาท (18%) ของมูลค่าการพัฒนาทั้งหมดตามลำดับ ดังนั้นภาพรวมของการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในเดือนนี้ส่วนใหญ่หากเป็นอาคารชุดจะเน้นที่ระดับราคา 1-2 ล้านบาท และที่ราคาตั้งแต่ 5 ล้านบาทขึ้นไป บ้านเดี่ยวมีราคา 5-10 ล้านบาท ส่วนทาวน์เฮ้าส์จะเน้นที่ราคา 2-3 ล้านบาท
เมื่อพิจารณาราคาขายเฉลี่ยต่อยูนิต พบว่ามีราคาขายเฉลี่ยต่อหน่วยเพิ่มขึ้น (ประมาณ 47%) เนื่องจากการพัฒนาในเดือนนี้มีจำนวนหน่วยขายที่มีราคาขายตั้งแต่ 5 ล้านบาทขึ้นไป 24% แต่มีมูลค่ามากถึง 35,440 ล้านบาท (ประมาณ 65% ของมูลค่าการพัฒนาทั้งหมดในเดือนนี้) จึงทำให้ราคาขายเฉลี่ยต่อหน่วยโดยรวมของเดือนนี้เพิ่มขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับราคาขายเฉลี่ยของเดือนก่อน ซึ่งราคาขายเฉลี่ยต่อหน่วยของเดือนนี้มีราคาเฉลี่ยที่ประมาณ 6.005 ล้านบาท แต่เดือนที่ผ่านมามีราคาขายเฉลี่ยที่ 4.076 ล้านบาท ซึ่งแสดงถึงแนวโน้มการพัฒนาที่อยู่อาศัย 2 กลุ่ม คือสำหรับผู้มีรายได้ปานกลาง และกลุ่มผู้รายได้สูง จึงมีการพัฒนาสินค้าราคาแพงเพิ่มมากขึ้นด้วย
บริษัทในตลาดหลักทรัพย์ (มหาชน) จำนวน 10 บริษัท คือ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) บริษัท โกลเด้น แลนด์ จำกัด (มหาชน) บริษัท เจ้าพระยามหานคร จำกัด (มหาชน) บริษัท ธนาสิริ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) บริษัทไรมอน แลนด์ จำกัด (มหาชน) บริษัท อารียา พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) และมีบริษัทในเครือบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ 3 บริษัท นอกจากนี้ก็ยังมีบริษัททั่วไปอีกจำนวนหนึ่ง หากเปรียบเทียบการพัฒนาระหว่างบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ บริษัทในเครือ และบริษัททั่วไป มีรายละเอียดดังนี้
อย่างไรก็ตามในเดือนพฤศจิกายนนี้ทาง REI ได้พบโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่รอเปิดขายใหม่ในอนาคตอีก โครงการตามตารางที่ 320 โดยได้แสดงชื่อโครงการ และที่ตั้งโดยสังเขปไว้ ซึ่งความคืบหน้าจะได้นำเสนอต่อไป จะสังเกตได้ว่ามีโครงการหลายแห่งที่ได้ประกาศตัวหรือเปิดตัวทางหน้าหนังสือพิมพ์ อย่างไรก็ตามในการเปิดขายจริง (ที่มีโบรชัวร์และสำนักงานขายที่พร้อมต้อนรับผู้สนใจซื้อไปเยี่ยมชม) ยังไม่มี จึงถือเป็นโครงการที่ยังไม่เปิดตัวและเมื่อเปิดตัวจริงแล้ว จะได้ดำเนินการสำรวจต่อไป