รัฐบาลประยุทธ์ส่งเสริมให้ "ไทยเที่ยวไทย" แต่ในภาวะฝืดเคืองนี้ คงเที่ยวไม่ออก การรณรงค์นี้คงไม่ประสบความสำเร็จ
            ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) เห็นว่าการส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบ "ไทยเที่ยวไทย" เป็นแนวคิดที่ดีมาก ทำให้เงินทองไม่รั่วไหลออกนอกประเทศ เป็นการส่งเสริมการใช้จ่าย และยังจะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้เพิ่มขึ้นอีก
            อย่างไรก็ตามในภาวะขณะนี้ที่เศรษฐกิจกำลังฝืดเคือง การกระตุ้นนี้อาจไม่ได้ผลเท่าที่ควร เพราะเศรษฐกิจของประเทศกำลังย่ำแย่ ธนาคารแห่งประเทศไทยประเมินความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจไทยอยู่ที่เพียง 2.5% ในปี 2558 (แต่ไทยพยายามประเมินให้ได้น้อยกว่า 3.0% ไม่มากนัก) และ 2.0% ในปี 2559 (ในขณะที่หน่วยงานต่าง ๆ ในไทยประเมินไว้ที่ 3.5-4.0%) (http://goo.gl/gbAvzn) การใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยวจึงอาจไม่ได้เป็นดังหวัง
            เมื่อพิจารณาถึงการส่งออก ปรากฏว่า 11 เดือนแรกส่งออกได้ 197,275 ล้านเหรียญสหรัฐ หากประมาณการเป็นทั้งปีคงเป็นเงิน 215,209 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งต่ำกว่าปี 2557 ที่ส่งออกได้ 227,748.4 ล้านเหรียญสหรัฐ อย่างเด่นชัดถึง 5% (http://goo.gl/NIAkJ0) การที่มีเงินเข้ามาในประเทศน้อยลง ย่อมทำให้ความสามารถในการจับจ่ายใช้สองของประชาชนลดลง โอกาสการท่องเที่ยวจึงมีไม่มากนัก

            ยิ่งกว่านั้น บ้านที่มีราคา 1-5 ล้านบาท ที่เปิดตัวในปี 2558 กลับมีน้อยกว่าในปี 2557 ถึง 16% ในแง่จำนวนหน่วย และ 10% ในแง่ของมูลค่า บ้านกลุ่มนี้เป็นบ้านของผู้มีรายได้ปานกลาง ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายในการกระตุ้นให้ท่องเที่ยว อย่างไรก็ตามบ้านราคาถูก(ไม่เกิน 1 ล้านบาท) ที่เปิดขายมากกว่าเดิมถึง 25% นั้น ไม่ใช่เพราะการซื้อของผู้มีรายได้น้อยเท่านั้น ส่วนหนึ่งเป็นผู้มีรายได้สูงที่เก็งกำไรด้วย ส่วนบ้านที่มีราคาเกิน 5 ล้านบาท อาจถือเป็นกลุ่มของผู้ที่มีรายได้สูง ซึ่งก็มักท่องเที่ยวอยู่แล้ว จึงไม่ได้ผลในการส่งเสริมมากนัก
            ด้วยเหตุนี้ การกระตุ้น "ไทยเที่ยวไทย" จึงอาจไม่ได้ผลเท่าที่ควร อาจสิ้นเปลืองงบประมาณ การท่องเที่ยวจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อเศรษฐกิจในประเทศดี ประชาชนมีเงินเหลือเพื่อการท่องเที่ยว ไม่ได้หวังจะได้รับรางวัลจับฉลากจากการท่องเที่ยว และหากบ้านเมืองมีความสงบสุข ชาวต่างชาติก็จะยิ่งเข้ามาท่องเที่ยวมากยิ่งขึ้นนั่นเอง