เศรษฐีร่ำรวยล้นฟ้าต้องทำดีด้วย โลกจึงยกย่องหาไม่ก็หาที่ยืนในประวัติศาสตร์ไม่ได้
ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทยบริษัทเอเจนซี่ฟอร์เรียลเอสเตทแอฟแฟร์ส แสดงความเห็นต่อการจัดอันดับอภิมหาเศรษฐีในประเทศไทยเพื่อเป็นอุทาหรณ์สำหรับความร่ำรวยที่ควรถือเป็นแบบอย่างที่ดีในสังคม
ตามที่มีข่าวการจัดอำดับเศรษฐีของประเทศไทย (http://bit.ly/1TkBerK) นับเป็นเรื่องน่ายินดีที่ประเทศไทยมีอันดับเศรษฐีเพิ่มขึ้น การเป็นเศรษฐีนั้น แสดงให้เห็นถึงว่าวิริยภาพอย่างแรงที่ทำให้ประสบความสำเร็จในการสะสมซับการสะสมซับก็เป็นความสุขอย่างหนึ่งและยังความภูมิใจแก่ผู้สะสม อย่างไรก็ตามในประวัติศาสตร์โลกถือได้ว่าไม่มีที่ยืนสำหรับเศรษฐีหรืออภิมหาเศรษฐีในหน้าประวัติศาสตร์ ความดีหรือความชั่วที่ได้ประกอบตอบเพื่อนมนุษย์ต่างหากที่จะถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ ลำพังความร่ำรวยของบุคคลที่ไม่มีผลบวกหรือลบต่อสังคมมักไม่ได้รับการกล่าวขานถึง อย่างไรก็ตามอภิมหาเศรษฐีทั้งหลายเมื่อมีซับถึงระดับหนึ่ง ก็หวังจะแสวงหาชื่อเสียงเพื่อประดับบารมีเพิ่มเติม
http://www.thaiappraisal.org/thai/market/market_view.php?strquery=market130.htm
จากตารางที่เห็นข้างต้นจะพบว่าประชาชนทั่วไปนั้น ได้บริจาคทำความดีมากกว่าอภิมหาเศรษฐีเสียอีก โดยผลการวิเคราะห์พบว่าประชาชนคน 1 1 บริจาคเพื่อส่วนรวมประมาณ 2.69% ของรายได้ของตนเอง ดังนั้นเราจึงพบโบสถ์โหล หรือโบสถ์ หรืออุโบสถที่สร้างคล้ายๆกันในวัดตามต่างจังหวัดเพราะออกแบบใกล้เคียงกันหรือลอกกันมา อยู่เป็นจำนวนมาก นี่คือผลของการทำดีของประชาชนทั่วไปในสังคม ดังนั้นจึงเห็นสิ่งก่อสร้างต่างๆมากมายจากผลของการบริจาคหรือการทำดีของสาธารณะชน
อย่างไรก็ตามในกรณีเศรษฐีหรืออภิมหาเศรษฐีก็คงไม่บริจาคมากมายถึง 2.69% ของรายได้หรือคงไม่ถึง 1% ด้วยซ้ำไป อย่างเช่นในกรณีบริษัทมหาชนขนาดยักษ์ที่มีรายได้ประมาณ 400,000 ล้านบาทค่าบริจาคถึง 2.69% ของรายได้ก็คงเป็นเงินเกือบ 12,000 ล้านบาทแล้ว แต่บริษัทยักษ์ใหญ่เหล่านี้ก็คงบริจาคเป็นเงินนับร้อยๆ ล้านบาท ในแง่หนึ่งก็เป็นเงินจำนวนมหาศาล แต่ในอีกแง่หนึ่งก็เป็นเพียงกระผีกริ้น ขนหน้าแข้งไม่ร่วง เมื่อเทียบกับรายได้จำนวนมหาศาลในแต่ละปี
ดังนั้นอภิมหาเศรษฐีทั้งหลายจึงควรตั้งเป้าบริจาคทรัพย์เพื่อสังคมส่วนรวมอย่างน้อยไม่น้อยกว่า 0.5 ถึง 1.0% โดยประกาศสัดส่วนของเงินบริจาคให้ชัดเจนซึ่งไม่ถือว่าเป็นการคุยโตแต่เป็นการแสดงให้เห็นชัดถึงเจตนารมณ์ในการช่วยเหลือสังคมอย่างแท้จริง เพื่อให้สังคมมีความสุขร่วมไปกับอภิมหาเศรษฐี เพื่อสังคมไม่ฝืดเครื่องไม่เกิดโจรผู้ร้ายประชุมชิงทรัพย์ของอภิมหาเศรษฐีเองด้วย
อภิมหาเศรษฐีพึงเกื้อกูลสังคมยิ่งกว่านี้