มักมีการกล่าวอ้างกันว่า เศรษฐกิจของไทยทรุดต่ำลงนั้น เป็นเพราะเป็นแนวโน้มที่เกิดขึ้นทั่วโลก โดยเฉพาะในประเทศเพื่อนบ้านของเรา ไทยเราจึงตกต่ำตามไปด้วย การกล่าวอ้างนี้ไม่เป็นความจริง เป็นการแก้ตัวที่ฟังไม่ขึ้น
ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย (www.area.co.th) ได้เปิดเผยข้อมูลของธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเซียที่ประเมินไว้ล่าสุดว่า ประเทศไทยถูกจัดอยู่ในระดับการเติบโตทางเศรษฐกิจค่อนข้างต่ำใน 10 ประเทศอาเซียน โดยได้ลำดับที่ 8 คือในปี 2559 นี้น่าจะเติบโตเพียง 3% ขณะที่ทั่วอาเซียนจะเติบโต 4.5% ส่วนในปี 2560 อาจเติบโตดีขึ้นเป็น 3.5% แต่อัตราเฉลี่ยโดยรวมของอาเซียนจะเป็น 4.8%
จะสังเกตได้ว่าประเทศเมียนมาร์ กัมพูชา ลาว เวียดนาม ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และมาเลเซียต่างเติบโตในอัตราที่สูงกว่าไทยทั้งสิ้น ประเทศที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจต่ำกว่าไทยมีเพียงสิงคโปร์และบรูไน ซึ่งเป็นประเทศร่ำรวย มีรายได้ประชาชาติต่อหัวสูงบกว่าไทยประมาณ 5-7 เท่า ดังนั้น แม้จะเติบโตน้อย แต่ก็มีมูลค่าการเติบโตที่มหาศาล
หากพิจารณาถึงการเปลี่ยนแปลงด้านการส่งออกจะพบว่า การส่งออกของประเทศไทยตกต่ำ ในขณะที่ประเทศกัมพูชา มาเลเซีย เมียนมาร์ เวียดนาม ลาวและสิงคโปร์ กลับมีการส่งออกเป็นบวก ไทยก็ตกอยู่ในอันดับที่ 7 การนี้ชี้ให้เห็นว่า หากการส่งออกของไทยไม่กระเตื้อง ไม่ค่อยมีเงินเข้าประเทศ โอกาสจะฟื้นเศรษฐกิจนั้นคงเป็นไม่ได้ ไม่ว่ารัฐบาลจะพยามกระตุ้นด้วยวิธีใดก็ตาม
หากพิจารณาเจาะลึกเฉพาะการส่งออกไปสหรัฐอเมริกาและยุโรป ก็พบว่าอัตราการเติบโตของการส่งออกของไทยไปสหรัฐอเมริกาในช่วงปี 2556-2558 ณ 9% นั้น จัดอยู่ที่อันดับที่ 6 รองจากเมียนมาร์ เวียดนาม ลาว ฟิลิปปินส์และมาเลเซีย ส่วนในกรณีอัตราการเติบโตของการส่งออกของไทยไปสหภาพยุโรปในช่วงปี 2556-2558 นั้นอยู่ที่ 15% แต่ก็ตกอยู่ที่อันดับ 7 รองจากบรูไน เมียนมาร์ กัมพูชา เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และมาเลเซีย การเติบโตของส่งออกไปตลาดหลักเช่น สหรัฐอเมริกาและยุโรป เพิ่มขึ้นในอันดับรองๆ ลงมาเช่นนี้ ทำให้เศรษฐกิจไทยไม่กระเตื้องขึ้น
หากประเทศไทยมีความสงบสุข สามัคคี และมีบรรยากาศประชาธิปไตย ไม่ใช่อนาธิปไตยแบบสมัยการประท้วงยาวนานในช่วงปี 2556-2557 โดย (อาจ) มีการเลือกตั้ง (ที่เป็นธรรม) ในปี 2560 แล้ว เชื่อเศรษฐกิจไทยจะดีขึ้นกว่านี้ ตลาดอสังหาริมทรัพย์ก็จะดีตามเพราะประชาชนมีเงินซื้อนั่นเอง