AREA แถลง ฉบับที่ 50/2553: 23 สิงหาคม 2553
เปิดลักษณะที่อยู่อาศัยสุดรุ่งเรืองและรุ่งริ่ง
ผู้แถลง: ดร.โสภณ พรโชคชัย
ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย
บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส
ตลาดที่อยู่อาศัยนั้น เป็นตลาดขนาดใหญ่ โดยปีหนึ่งมีมูลค่าถึง 200,000 ล้านบาท ในขณะที่อาคารสำนักงานในกรุงเทพมหานครทั้งหมด 8 ล้านตารางเมตร มีมูลค่ารวมกันเพียง 300,000 ล้านบาทนับตั้งแต่สร้างมาครั้งแรกจนถึงปัจจุบันเท่านั้น ดังนั้นผู้เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ ภาคสถาบันการเงิน ภาคเอกชนและภาคประชาชนจึงควรให้ความสนใจกับตลาดที่อยู่อาศัย ซึ่งเป็นเครื่องชี้ภาวะตลาดที่สำคัญของประเทศไทย
ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส ในฐานะที่เป็นผู้สำรวจโครงการอสังหาริมทรัพย์ต่อเนื่องมากที่สุดมาตั้งแต่ พ.ศ.2537 ได้สำรวจพบข้อมูลภาวการณ์ขายตลาดที่อยู่อาศัยพบว่า มีบางทำเล บางประเภทที่อยู่อาศัยและบางระดับราคาที่ขายดีเป็นพิเศษ ซึ่งถือว่า “รุ่งเรือง” และในขณะเดียวกันก็มีบางกลุ่มที่ขายไม่ดี มีโอกาสจะล้มเลิกโครงการหรือ “รุ่งริ่ง” เพื่อประโยชน์ต่อสังคมโดยรวม จึงขอสรุปผลการสำรวจที่น่าสนใจ
ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส กล่าวว่า กลุ่มลักษณะที่อยู่อาศัยที่ขายดีมากเป็นพิเศษ ซึ่งเป็นกลุ่มที่อยู่อาศัยที่กำลังขายอยู่ ณ ห้วงเวลาสำรวจเมื่อเร็ว ๆ นี้ โดยเรียงทำเลตามเข็มนาฬิกาได้แก่:
ทำเล A1: นวนคร-คลองรพีพัฒน์ ทาวน์เฮาส์ ระดับราคา 1.001-2.000 ล้านบาท เพราะเป็นกลุ่มราคาปานกลางค่อนข้างถูก เหมาะกับพนักงานระดับกลางของโรงงาน
ทำเล C4: บางซื่อ ห้องชุด ระดับราคา 1.001-2.000 ล้านบาท และราคา 2.001-3.000 ล้านบาท เพราะอยู่ตามแนวรถไฟฟ้าที่มีอนาคต
ทำเล D6: นวมินทร์ ห้องชุด ระดับราคา 0.500-1.000 ล้านบาท เพราะเป็นห้องชุดราคาถูกในเขตต่อเมืองที่เข้าเมืองได้ไม่ยาก
ทำเล E7: สุขาภิบาล 2-3 ทาวน์เฮาส์ ระดับราคา 1.001-2.000 ล้านบาท เพราะเป็นทาวน์เฮาส์ระดับราคาปานกลางค่อนข้างถูกที่มีการคมนาคมสะดวก
ทำเล F1: วิภาวดี-รัชดาภิเษก ห้องชุด ระดับราคา 1.001-2.000 ล้านบาท เพราะอยู่ในแนวรถไฟฟ้าที่มีศักยภาพดี
ทำเล F2: รัชโยธิน ห้องชุด ระดับราคา 1.001-2.000 ล้านบาท และ ระดับราคา 3.001-5.000 ล้านบาท เพราะอยู่ในแนวรถไฟฟ้าที่มีศักยภาพดี ซึ่งมีทั้งกลุ่มราคาปานกลาง และราคาปานกลางค่อนข้างแพงที่มีคุณภาพ
ทำเล I1: พหลโยธิน ห้องชุด ระดับราคา 2.001-3.000 ล้านบาท และ ระดับราคา 3.001-5.000 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นห้องชุดที่มีคุณภาพดี อยู่ในแนวรถไฟฟ้าและมีอนาคตดี
ทำเล I2: ปทุมวัน ห้องชุด ระดับราคา 3.001-5.000 ล้านบาท และระดับราคา 5.001-10.000 ล้านบาท ซึ่งเป็นห้องชุดราคาปานกลางค่อนข้างแพง และราคาแพงใจกลางเมือง ซึ่งหาทำเลอื่นมาทดแทนได้ยาก
ทำเล I3: สุขุมวิท-พระราม 4 ห้องชุด ระดับราคา 1.001-2.000 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นห้องชุดที่ถูกที่สุดในทำเลใจกลางเมืองนี้ จึงขายดีเป็นพิเศษ
ทำเล I4: ยานนาวา-สีลม ทาวน์เฮาส์ ระดับราคา 5.001-10.000 ล้านบาท เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการบ้านแนวราบที่อยู่ใจกลางเมืองจริง ๆ
ทำเล J2: ประชาอุทิศ ห้องชุด ระดับราคา 0.500-1.000 ล้านบาท เพราะเป็นห้องชุดราคาถูกที่อยู่ใกล้ใจกลางเมือง เมื่อข้ามฝั่งจากถนนวงแหวนอุตสาหกรรม
ทำเล L1: คลองสาน ห้องชุด ระดับราคา 2.001-3.000 ล้านบาท และระดับราคา 3.001-5.000 ล้านบาท เพราะเป็นห้องชุดราคาปานกลางค่อนข้างแพงที่อยู่ใกล้ใจกลางเมืองที่สุด เพียงข้ามฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาเท่านั้น
ทำเล L3: บางพลัด ห้องชุด ระดับราคา 1.001-2.000 ล้านบาท เพราะเป็นห้องชุดที่อยู่ใกล้ใจกลางเมืองแต่ยังมีราคาถูกอยู่
ทำเล M2: วงแหวนรอบนอก-บางแวก ทาวน์เฮาส์ ระดับราคา 2.001-3.000 ล้านบาท นับเป็นทาวน์เฮาส์ราคาปานกลางที่อยู่ใกล้เมืองที่สุดทำเลหนึ่ง จึงขายดี
ทำเล N5: ไทยน้อย-สุพรรณบุรี บ้านเดี่ยว ระดับราคา 3.001-5.000 ล้านบาท เพราะเป็นบ้านเดี่ยวราคาปานกลางที่อยู่ใกล้เมืองที่สุดทำเลหนึ่ง จึงขายดี
ลักษณะที่อยู่อาศัยที่ขายดีข้างต้นนี้ น่าจะเป็นสินค้าที่น่าสนใจลงทุนมากที่สุด แต่หากมีการลงทุนมากเกินไป ก็อาจเกิดภาวะล้นตลาดได้ แต่ที่ผ่านมายังขายได้ดีกว่าที่อยู่อาศัยกลุ่มอื่นมากทีเดียว
ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส ยังให้ข้อมูลในอีกด้านหนึ่ง คือ ลักษณะที่อยู่อาศัยที่ขายไม่ดี หรือขายช้าเป็นพิเศษ ได้แก่
ทำเล A5: รังสิต คลอง 7-16 บ้านเดี่ยว ระดับราคา 3.001-5.000 ล้านบาท ทำเล A6: ลำลูกกา บ้านเดี่ยว ระดับราคา 5.001-10.000 ล้านบาท และ ทำเล B2: สรงประภา บ้านเดี่ยว ระดับราคา 10.001-20.000 ล้านบาท กลุ่มนี้อยู่ในพื้นที่ “ไกลปืนเที่ยง” เกินกว่าที่จะสร้างบ้านในลักษณะราคาดังกล่าวได้ จึงทำให้สินค้าที่ออกมาขายไม่ดีเท่าที่ควร แสดงว่ายังมีอุปทานค่อนข้างจำกัด
ทำเล E2: นิมิตใหม่ ทาวน์เฮาส์ ระดับราคา 0.500-1.000 ล้านบาท
ทำเล E5: ฉลองกรุง บ้านเดี่ยว ระดับราคา 3.001-5.000 ล้านบาท และ ทำเล E7: สุขาภิบาล 2-3 ห้องชุด ระดับราคา 3.001-5.000 ล้านบาท ก็ถือว่าสร้างบ้านเดี่ยวในราคาที่อาจจะสูงเกินความเป็นจริง จึงทำให้ขายได้ยาก
บางกลุ่มแม้ราคาถูก แต่โดยที่ในย่านนั้นมีสินค้าเหล่านี้ เช่น ห้องชุดราคาถูกเหลืออยู่มากมานับสิบปีแล้ว ก็ทำให้อัตราการขายต่ำมาก จนต้องแปลงเป็นห้องเช่า จึงไม่ควรทำอาคารชุดในลักษณะนี้ คือห้องชุดราคาไม่เกิน 0.5 ล้านบาท ได้แก่ ทำเล B3: แจ้งวัฒนะ ทำเล G4: ศรีนครินทร์-อุดมสุข และ ทำเล H1: บางนา กม.1-10 เป็นต้น
บ้านเดี่ยวราคาสูง ด้านตะวันออกไกล ทำเล H9: บางนา >กม. 30 บ้านเดี่ยว ระดับราคา 10.001-20.000 ล้านบาท และ ระดับราคาปานกลางทางด้านใต้ของกรุงเทพมหานคร ทำเล H7: บางปู บ้านเดี่ยว ระดับราคา 3.001-5.000 ล้านบาท ก็ยังไม่เป็นที่ต้องการนัก ไม่ควรพัฒนา หรือรวมถึง ทำเล K2: เอกชัย บางบอน บ้านเดี่ยว ระดับราคา >20.000 ล้านบาท ก็ขายไม่ดี เพราะตั้งอยู่ไกลเกินไปเมื่อเทียบกับราคา
จากการสำรวจภาคสนามถึงโครงการต่าง ๆ 1,266 แห่งทั่วเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส จึงมั่นใจที่จะสรุปข้อมูลนี้ออกมาเพื่อเป็นเครื่องเตือนใจสำหรับการวางแผนการพัฒนา การลงทุน การอำนวยสินเชื่อ ตลอดจนการซื้ออสังหาริมทรัพย์ ของประชาชน ดร.โสภณ พรโชคชัย ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส กล่าวในที่สุด
ผู้แถลง:
ดร.โสภณ พรโชคชัย (sopon@area.co.th) ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส หรือ AREA (www.area.co.th): ในฐานะศูนย์ข้อมูล-วิจัยและประเมินค่าทรัพย์สินที่มีฐานข้อมูลภาคสนามขนาดใหญ่ที่สุด ได้รับ ISO 9001-2008 ทั้งระบบแห่งแรกในฐานะที่ปรึกษาอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย ได้รับรางวัลจรรยาบรรณดีเด่น และเป็นสมาชิก UN Global Compact อีกด้วย |