AREA แถลง ฉบับที่ 51/2553: 25 สิงหาคม 2553
พื้นที่จัดงานเวิร์ลเอ็กซ์โป กรุงเทพมหานคร 2020
ผู้แถลง: ดร.โสภณ พรโชคชัย
ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย
บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส
ตามที่รัฐบาลไทยมีดำริที่จะเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดงานเวิร์ลเอ็กซ์โปในปี พ.ศ.2563 (ค.ศ.2020) นั้น นับเป็นวิสัยทัศน์ที่ดีต่อประเทศไทย เพราะการจัดงานขนาดใหญ่ จะสามารถกระตุ้นการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของประเทศโดยรวมได้เป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตาม ทางราชการได้พยายามศึกษาที่ตั้งของงานเวิร์ลเอ็กซ์โปเป็นในจังหวัดภูมิภาค เช่น อยุธยา ชลบุรี ภูเก็ต เพชรบุรี เชียงใหม่ และจันทบุรี ในฐานะที่ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (AREA) ได้สำรวจข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ต่อเนื่อง ทั้งในเขตกรุงเทพมหานครและจังหวัดภูมิภาคทั่วประเทศมาตั้งแต่ พ.ศ.2537 ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธาน AREA จึงเสนอแนวคิดต่อที่ตั้งการจัดงาน
ดร.โสภณ ซึ่งได้เดินทางไปดูงานเวิร์ลเอ็กซ์โป ณ นครเซี่ยงไฮ้ 3 หนในปี 2553 นี้ เสนอให้จัดงานในเขตกรุงเทพมหานคร แทนที่จะเป็นในจังหวัดภูมิภาค ทั้งนี้เช่นเดียวกับนครเซี่ยงไฮ้ ที่จัดงานในเขตใจกลางเมือง ไม่ใช่ในเขตชานเมืองหรือในจังหวัดห่างไกล เพราะเมื่อหมดงานแล้ว พื้นทีเหล่านี้ก็คงปล่อยร้างไว้หรือใช้ประโยชน์ไม่ได้เต็มที่ นอกจากนี้ยังต้องลงทุนทางด้านสาธารณูปโภคภายนอกหรือ Off-site infrastructure เป็นการสิ้นเปลืองมหาศาล
ในกรณีของจีนนั้น ใช้พื้นที่ซึ่งตั้งอยู่ไม่ห่างจากใจกลางเมืองมากนัก เพียง 9 กิโลเมตร ใช้ระยะเวลาเดินทางประมาณ 17 นาทีมาเป็นสถานที่จัดงาน โดยรื้อย้ายท่าเรือและครัวเรือนที่อยู่ในบริเวณนั้นออกไปนับหมื่นครอบครัว และใช้เวลาเตรียมการประมาณ 8 ปี
อย่างไรก็ตามในกรณีของประเทศไทยโดยเฉพาะกรุงเทพมหานครนั้น ดร.โสภณ พรโชคชัย เสนอให้ใช้พื้นที่ท่าเรือคลองเตย รวมกับพื้นที่ถังเก็บน้ำมันเชลล์ ถนน ณ ระนอง พื้นที่ถนนพระราม 3 และพื้นที่ตลาดคลองเตย รวมกันเป็นพื้นที่ 4.72 ตารางกิโลเมตร หรือ 2,950 ไร่ ซึ่งใกล้เคียงกับพื้นที่ของเวิร์ลเอ็กซ์โป นครเซี่ยงไฮ้ที่มีขนาด 5.28 ตารางกิโลเมตร หากเรานำพื้นที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาของคุ้งบางกระเจ้ามาเป็นส่วนหนึ่งของเวิร์ลเอ็กซ์โป โดยเป็นการนำเสนอพื้นที่สีเขียวเพื่อโลกและสิ่งแวดล้อมตามโครงการพระราชดำริด้วยแล้ว ขนาดของพื้นที่เวิร์ลเอ็กซ์โปที่เสนอโดยรัฐบาลไทย น่าจะมีขนาดใหญ่กว่าของนครเซี่ยงไฮ้อีกมากเลยทีเดียว
ท่าเรือคลองเตยก็มีโครงการย้ายออกไปสู่แหลมฉะบัง ส่วนพื้นที่เก็บน้ำมันและขนส่งน้ำมันของการรถไฟแห่งประเทศไทยก็มีโครงการรื้อย้ายทั้งหมดแล้ว ดังนั้นหากใช้พื้นที่ดังกล่าวนี้ ก็จะเกี่ยวข้องกับการเวนคืนจำนวนครัวเรือนไม่มากนัก เมื่อเทียบกับกรณีนครเซี่ยงไฮ้
หลังจากการจัดงานเวิร์ลเอ็กซ์โปแล้ว พื้นที่ส่วนนี้ยังสามารถนำมาสร้างศูนย์กลางธุรกิจใจกลางเมือง การจัดสร้างที่อยู่อาศัยสำหรับคนที่ทำงานในใจกลางเมือง ทั้งระดับผู้มีรายได้น้อย รายได้ปานกลางและรายได้สูง โดยดำเนินการพัฒนาเป็นอาคารสูง เพื่อการประหยัดการใช้ที่ดินให้กับลูกหลานในอนาคต และการพัฒนาที่ดินใจกลางเมืองยังจะช่วยในการประหยัดต้นทุนการเดินทางขนส่งต่าง ๆ ยิ่งหากจัดสภาพแวดล้อมที่ดีด้วยแล้ว
หากมีการวางแผนการใช้ที่ดินที่ดี ยิ่งจะทำให้สึกโปร่งสบายในการอยู่อาศัย เช่นเดียวกับกรณีของสิงคโปร์ ที่มีความหนาแน่นของประชากร 10,000 คนต่อตารางกิโลเมตร ยังรู้สึกไม่หนาแน่นเท่ากับกรุงเทพมหานครที่มีความหนาแน่นของประชากรเพียง 4,000 คนต่อตารางกิโลเมตร
ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย
บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส กล่าวสรุปว่า การจัดงานเอ็กซ์โปในกรุงเทพมหานครยังทำให้เกิดการจัดระบบขนส่งมวลชนที่ดีด้วย ทำให้กรุงเทพมหานครสามารถทำการหน้าที่ของการเป็นเมืองศูนย์กลางได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลดีต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของทั่วประเทศอีกด้วย
ผู้แถลง:
ดร.โสภณ พรโชคชัย (sopon@area.co.th) ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส หรือ AREA (www.area.co.th): ในฐานะศูนย์ข้อมูล-วิจัยและประเมินค่าทรัพย์สินที่มีฐานข้อมูลภาคสนามขนาดใหญ่ที่สุด ได้รับ ISO 9001-2008 ทั้งระบบแห่งแรกในฐานะที่ปรึกษาอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย ได้รับรางวัลจรรยาบรรณดีเด่น และเป็นสมาชิก UN Global Compact อีกด้วย |