เครือข่ายอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอำเภอแม่วงก์ ได้ลงในเฟสบุ๊คว่า "กรมชลบอกต้องการเอาเขื่อนแม่วงก์ให้ได้ เพราะลงทุนมาเยอะ จ้างคนสำรวจก็เยอะ จ้างคนเขียนข่าวก็เยอะ สนับสนุนจ้างคนในพื้นที่เอาเขื่อนก็เยอะ. . ." แล้วมีภาพ ดร.โสภณ ประกอบข้อเขียน น่าจะเข้าข่ายหมิ่นประมาท ดร.โสภณ
ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย (www.area.co.th) กล่าวว่า การสำรวจเขื่อนแม่วงก์แต่ละครั้ง ดร.โสภณ เป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายเอง ไม่ได้รับเงินจากกรมชลประทานหรือหน่วยงานใด เมื่อตีพิมพ์เป็นเล่มหนังสือชื่อ "สร้างเขื่อนแม่วงก์เถอะนะ เพื่อชีวิตสัตว์ ป่าและมนุษย์" ก็ไม่ได้รับเงินจากใคร ที่สำคัญยังให้หนังสือนี้สามารถ download ได้ฟรีโดยไม่คิดมูลค่าเพื่อเผยแพร่ความรู้ และในการเดินทางไปประชุมหรือบรรยายเกี่ยวกับเรื่องนี้ ณ อำเภอลาดยาว จังหวัดนครสวรรค์ ก็ออกค่าใช้จ่ายเทุกอย่างเอง การเอาภาพ ดร.โสภณ ยื่นหนังสือถึงนายกฯ เรื่องให้สร้างเขื่อนแม่วงก์ มาประกอบ ย่อมถือเป็นการทำให้ ดร.โสภณ เสียชื่อเสียง หากเครือข่ายนี้ ไม่มีหลักฐานว่า ดร.โสภณ รับเงินจากกรมชลประทาน ก็สมควรถูกฟ้องร้องให้ถึงที่สุด
ดร.โสภณ รักป่า รักสัตว์และรักเพื่อนมนุษย์ จึงสนับสนุนการสร้างเขื่อนแม่วงก์ หลายท่านเข้าใจผิดว่าการสร้างเขื่อนแม่วงก์เป็นการทำลายป่า แต่แท้ที่จริงเป็นการส่งเสริมการเจริญเติบโตของป่า ส่งเสริมการแพร่พันธุ์ของสัตว์ป่า และช่วยเหลือประชาชนคนเล็กคนน้อยต่างหาก การสร้างเขื่อนแม่วงก์ จึงก่อเกิดประโยชน์ต่อทุกฝ่าย ตามหลักการ มีน้ำ ย่อมมีชีวิต ดังนี้:
1. ป่าไม้ จะได้เขียวชอุ่ม รกชัฏ ชุ่มฉ่ำ น้ำช่วยดับไฟป่าที่เกิดปีละนับร้อยหนได้ด้วย
2. สัตว์ป่าจะได้มีอาหารมากขึ้น มีเขื่อนเป็นปราการป้องกันการล่าสัตว์ ดูกรณีเขื่อนรัชชประภาที่สร้างอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ สัตว์ป่ากลับยิ่งขยายพันธุ์ ไม่ได้ลดน้อยลงดังคำโกหกแต่อย่างใด
3. ประชาชนจะได้รับการแก้ปัญหาน้ำท่วม ฝนแล้ง เขื่อนยังช่วยผลิตประปา ชลประทาน ประมง ท่องเที่ยว ฯลฯ ที่สำคัญยังสามารถผลิตไฟฟ้าได้อีกด้วย ทุกวันนี้ธนาคารโลกเร่งส่งเสริมให้แต่ละประเทศสร้างเขื่อนเพื่อผลิตไฟฟ้าลดโลกร้อนกันแล้ว
ในความเป็นจริงมีอยู่ 8 สิ่งที่ประชาชนทั่วไปที่ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ไม่รู้ และถูกกลุ่มคนค้านเขื่อนบิดเบือน ดังนี้:
1. เมื่อ 30 ปี มีการโยกย้ายประชาชนออกมาถึง 200 ครัวเรือนเพื่อเตรียมสร้างเขื่อนในบริเวณนี้ซึ่งเป็นอดีตป่าเสื่อมโทรม ไร่ข้าวโพด พื้นที่ปลูกมะพร้าวของชาวบ้านเดิมบางส่วนนั่นเอง แต่ตอนนี้บอกว่าเป็นป่าสมบูรณ์
2. เขื่อนแม่วงก์มีเพียง 2 เท่าของเขตสาทร เล็กกว่าเขื่อนภูมิพล 50 เท่า ตั้งอยู่ชายขอบป่าล้อมรอบด้วยบ้านชาวบ้าน
3. ที่ว่าเป็นที่อยู่ของเสือโคร่งก็เป็นข้ออ้างเท็จ ไม่เคยพบรอยเท้าเสือในที่สร้างเขื่อน ไทยมีเสือโคร่งมากที่สุดแห่งหนึ่งในโลกจึงไม่วันสูญพันธุ์จากไทย ในสวนสัตว์ยังมีอีกมาก บางครั้ง NGOs ภาพเสือโคร่งแม่ลูกเดินๆ กัน นั่นอยู่ในป่าลึก ที่ต้องเดินนับสิบวันจึงจะถึง ลูกเสือคงไม่สามารถเดินมาแถวที่ก่อสร้างเขื่อนได้แน่นอน บางครั้งมีคลิปเสือตัวใหญ่ แต่ดูฉากหลังจะเห็นว่าอยู่บนยอดเขาสูง ซึ่งเป็นคนละที่กับที่ก่อสร้างเขื่อนเช่นกัน
4. นกยูง เนื้อทราย (กวาง) ไก่ฟ้า และไก่ป่าในที่สร้างเขื่อนแม่วงก์ เพิ่งถูกจับมาปล่อยในวันที่ 17 ธันวาคม 2552 โดยจัดเป็นพิธีใหญ่โต นกยูงที่เลี้ยงไว้แรกๆ ก็ถูกสุนัขกัดตายไปบ้าง
5. มีการอ้างกระทั่งข้อมูลที่ไร้สาระเพื่อค้านเขื่อน เช่น พบไส้เดือนยักษ์ ("เขียดงูดอยสุเทพ" เพราะพบที่ดอยสุเทพ เชียงใหม่) ตรงที่สร้างเขื่อน หรือพบค้างคาวจมูกหลอดเล็กท้องขาว ซึ่งมีอยู่หลายแห่ง ไม่ได้จำเฉพาะในพื้นที่นี้
6. ในทุกวันนี้นับว่าอนาถมากที่ในหน้าแล้ง ประชาชนในพื้นที่ต้องซื้อน้ำประปาคันรถละ 300 บาท ทั้งที่มีลำน้ำเรวาไหลผ่าน เพราะไม่มีเขื่อนกักเก็บน้ำ น้ำบาดาลก็ต้องขุดลึก 60-120 เมตร และกลับได้น้ำที่มีสารละลายเหล็กอยู่สูงมากจนไม่อาจดื่มได้ ชาวนาก็ต้องเสียค่าขุดบ่อบาดาลรายละนับหมื่นๆ บาทเพื่อทำนา
7. คนส่วนใหญ่ถึง 71% ต้องการเขื่อนแม่วงก์ ชาวไร่ชาวนาก็แทบทั้งหมด พวกเขาได้สรุปบทเรียนและประสบการณ์ในการจัดการน้ำมามากกว่า 30 ปีแล้ว แม้แต่นักการเมืองจากต่างพรรค ต่างก็เห็นพ้องกันในเรื่องนี้
8. เขื่อนจะทำให้ป่าไม้ เขียวชอุ่ม รกชัฏ ชุ่มฉ่ำ น้ำช่วยดับไฟป่าที่เกิดปีละนับร้อยหนได้ด้วย สัตว์ป่าจะได้มีอาหารมากขึ้น มีเขื่อนเป็นปราการป้องกันการล่าสัตว์ และประชาชนจะได้รับการแก้ปัญหาน้ำท่วม ฝนแล้ง เขื่อนยังช่วยผลิตประปา ไฟฟ้า ชลประทาน ประมง ท่องเที่ยว ฯลฯ
ในปีหนึ่ง ๆ รัฐบาลต้องชดเชยเงินค่าเสียหายแก่ประชาชนอันเนื่องมาจากน้ำท่วม ฝนแล้ง ปีหนึ่งนับร้อยนับพันล้านในท้องที่เหล่านี้ หากนำเงินมาสร้างเขื่อน ก็ประหยัดเงินไปมากมาย คุ้มค่าเป็นอย่างยิ่ง การสร้างเขื่อนจึงเป็นประโยชน์ต่อระบบนิเวศน์เป็นอย่างยิ่ง
อนึ่ง ดร.โสภณ ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียใดๆ กับการสร้างเขื่อน แต่เป็นเพียงนักวิชาการด้านอสังหาริมทรัพย์ที่ดำเนินการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยมาตั้งแต่ พ.ศ.2534 มีความเป็นกลางทางวิชาการและวิชาชีพมาโดยตลอด โดยไม่ได้เป็นนายหน้าหรือมีผลประโยชน์ในการพัฒนาที่ดินเอง ดร.โสภณ เห็นใจประชาชน ป่าไม้และสัตว์ป่าที่จะเสียหายจากการไม่สร้างเขื่อน จึงทำการศึกษาต่าง ๆ ในพื้นที่ด้วยตนเองหลายครั้งโดยใช้ทุนทรัพย์ส่วนตัว
การสร้างเขื่อนแม่วงก์จะเป็นประโยชน์ต่อป่า สัตว์ป่าและมนุษย์ การไม่สร้างจะยิ่งเป็นการทำลายป่า และทำลายโอกาสของประชาชน
โปรดอ่านหนังสือที่ ดร.โสภณ ยื่นถึงนายกรัฐมนตรีเพื่อให้สร้างเขื่อนแม่วงก์ได้ที่นี่: http://bit.ly/1Ti1QZ0
โปรดอ่านหนังสือ "สร้างเขื่อนแม่วงก์เถอะนะ เพื่อชีวิตสัตว์ ป่าและมนุษย์" ได้ฟรีที่: http://bit.ly/1WCeuWq