ที่ว่า "ต่างชาติซื้อที่ดิน 13 จว.ได้ไม่อั้น รัฐยึดป่าสงวน-สปก.บูมเขตเศรษฐกิจ" ซึ่งคาดว่าคงเป็นผลของการคิดนโยบายของทีมเศรษฐกิจ ดร.สมคิดนั้น ดร.โสภณ ฟันธง นี่เป็นแนวนโยบายที่สิ้นคิด
ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย (www.area.co.th) เปิดเผยว่า ตามข่าวดังกล่าว (http://bit.ly/2a7ymQO) ระบุว่า
1. รัฐบาลจะกำหนดให้มีเขตเศรษฐกิจพิเศษใน 10 จังหวัดชายแดน และอีก 3 จังหวัดระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก
2. ส่งเสริมให้มีการลงทุนด้านอุตสาหกรรม การท่องเที่ยว การบริการ เป็นต้น
3. ในการนี้จะส่งเสริมให้นำคนต่างชาติมาอยู่อาศัย การลดหน่อยภาษีอากร และการให้ซื้อที่ดินได้
4. เปิดช่องให้ต่างชาติใช้ที่ดินว่างเปล่า-ที่หวงห้าม รวมทั้งที่ดิน ส.ป.ก.4-01 และป่าสงวนฯ
นโยบายแบบนี้แสดงว่าทีมเศรษฐกิจคิดไม่เป็น ทำให้ประเทศชาติพินาศได้ ดร.โสภณ จึงขอวิพากษ์แนวคิดข้างต้นดังนี้:
1. ในด้านการลงทุนด้านการท่องเที่ยว การบริการต่าง ๆ ต่างชาติก็สามารถซื้อ หรือเช่าที่ดินในพื้นที่ริมทะเลต่าง ๆ ได้อยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องมีบริการพิเศษเยี่ยงนี้
2. ที่ผ่านมามีการให้เช่า 30 ปี เช่น เซ็นทรัลพลาซ่าลาดพร้าว ทางด่วน โทลเวย์ ก็สามารถคืนทุนได้เพียงพอ อีกทั้งยังมีการให้เช่าระยะยาว 50 ปีสำหรับเกษตรกรรมและอุตสาหกรรม จึงไม่จำเป็นต้องให้สิทธิยาวนานไปกว่านี้
3. ในกรณีอุตสาหกรรม ปกติที่ดินเป็นปัจจัยการผลิตที่ไม่มีค่ามากนัก เมื่อเทียบกับเครื่องจักร แรงงาน เทคโนโลยี และอาคารขนาดใหญ่ จึงไม่จำเป็นต้องยกที่ดินให้ต่างชาติ
4. ขณะนี้ยังไม่มีระบบภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่เป็นธรรม การยกให้ต่างชาติเท่ากับยกให้ฟรี ไม่ได้รับภาษีที่เพียงพอที่จะนำมาใช้เพื่อการพัฒนาท้องถิ่นนัก
ดร.โสภณ เสนอแนวคิดว่า
1. แทนที่จะให้ซื้อดะตรงไหนก็ได้ใน 13 จังหวัด ควรกำหนดเขตเศรษฐกิจพิเศษ โดยเวนคืนที่เกษตรกรรม ที่ป่าเสื่อมโทรม ขนาดประมาณ 10,000 - 50,000 ไร่ เพื่อจัดสร้างเป็นเมืองใหม่ ให้ต่างชาติสามารถซื้อและลงทุนในเมืองนี้เป็นสำคัญ ซึ่งประกอบด้วยส่วนที่เป็นอุตสาหกรรม พาณิชยกรรม บริการ ที่อยู่อาศัย และอื่น ๆ
2. สร้างสาธารณูปโภคเชื่อม เช่น รถไฟฟ้า ทางพิเศษ ระหว่างเขตเศรษฐกิจใหม่นี้กับเมือง เช่น พัทยา โดยไม่มีการเชื่อมทางระหว่างเมืองเพื่อป้องกันการขยายตัวของเมืองอย่างไรขอบเขต
3. ในด้านอุตสาหกรรม ให้ต่างชาติมาใช้ที่ดินได้ฟรีในระยะเวลาไม่เกิน 30 ปี โดยเก็บค่าใช้จ่ายในการบำบัดน้ำเสีย รักษาสิ่งแวดล้อม ดูแลพื้นที่เป็นสำคัญเพื่อลดภาระของนักลงทุนต่างชาติ
4. ในส่วนที่เป็นภาคบริการ พาณิชยกรรม ที่อยู่อาศัย ก็จัดให้มีการประมูลระยะยาว 30-50 ปี โดยนักลงทุนจากทั้งในและต่างประเทศ เป็นราย ๆ ไป ไม่ใช่ให้เหมาแบบ "กินรวบ" และควรมีสัญญาที่รัดกุมที่จะ "ไม่เสียค่าโง่" ในอนาคต
5. พื้นที่ ๆ ควรดำเนินการ ได้แก่ ชายแดนไทย-เมียนมาร์ บริเวณจังหวัดเชียงราย จังหวัดตาก จังหวัดกาญจนบุรี จังหวัดเพชรบุรี จังหวัดประจวบและจังหวัดชุมพร และชายแดนไทย-กัมพูชา บริเวณ จังหวัดสระแก้ว จันทบุรี และตราด พื้นที่เหล่านี้ติดกับเพื่อนบ้านที่มีแรงงานมาทำงาน โดยอาจสร้างที่อยู่อาศัยให้อยู่ในเขตเมืองนี้ หรือให้สามารถเดินทางไปกลับในแต่ละวันได้ และควรใกล้ท่าเรือ หรือสามารถขนส่งสินค้าได้สะดวก แต่ไม่ควรตั้งในชายแดนลาวและมาเลเซีย ซึ่งมีประชากรน้อย (ลาว) หรือประชากรมีรายได้สูงกว่าไทย (มาเลเซีย)
การวางแผนอย่างเป็นระบบเช่นนี้จึงจะสามารถเสาะหานักลงทุนต่างชาติมาได้ นอกจากนี้รัฐบาลยังควรไปเชิญชวนนักลงทุนจากญี่ปุ่น เกาหลี ไต้หวัน จีน มาเลเซีย และอื่น ๆ มาลงทุนในเขตเศรษฐกิจนี้