ดร.โสภณ ยืนยันมีความเป็นกลางทางวิชาชีพเสมอ ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง ต่างจากพวก "อาจม-อาจาน" ที่ปากหวานก้นเปรี้ยว ไปเดินขบวนก่อกบฏอยู่ข้างถนนแล้วได้ดี
ตามที่มี "fan club" ท่านหนึ่งเมตตาให้ความเห็นว่า "นับวัน ดร.โสภณ ชักจะเล่นการเมืองมากไปนะครับ ควรทำงานด้านวิชาการอสังหาฯ มากกว่านะครับ หรือไม่ก็ไปสมัครเล่นการเมืองไปเลย เกรงว่าจะกระทบกระเทือนต่อความน่าเชื่อถือของรายงานของ ดร. นะครับ"
ข้อนี้ผมได้ตอบไปแล้ว แต่ขออนุญาตเรียนเพิ่มเติมเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องครับ
1. ที่ผมวิจารณ์การเมืองบ่อยเพราะเห็นว่าทุกวันนี้บ้านเมืองเราชักจะ "เป๋" ไปใหญ่ "กระเบื้องเฟื่องฟูลอย น้ำเต้าน้อยจะถอยจม" คนดีถูกใส่ร้าย เอาผิด ส่วนคนที่สู้อยู่ข้างถนนเพื่อโค่นล้มรัฐบาลจากการเลือกตั้ง กลับได้ชูคอได้ดีกันแทนถ้วนหน้า พวกนี้กลับไม่ละอายใจเลย แล้วอย่างนี้ชาติจะมีความปรองดองสามัคคีได้อย่างไร ประเทศจะไปสู่ความเสื่อม ผมจึงขอเป็น "ไม้ซีกงัดไม้ซุง" บ้างครับ
2. ผมไม่เคยได้อะไร หรือมีนอกมีในกับรัฐบาลที่แล้ว แต่ผมเห็นว่าการรังแกกันอยู่ฝ่ายเดียว สร้างได้แต่ความปรองดองจอมปลอม วิญญูชนที่เห็นความตั้งมั่นในความเป็นธรรมของผม น่าจะเห็นชัดในการยืนหยัดในความถูกต้องของผมมากกว่า ส่วนผู้ที่มีอคติจะไม่ใช้บริการของผม ผมก็สุดจะไปขอความกรุณาพวกเขาได้
3. ผมไม่นิยมทำตัวเป็นพวก "ลู่ตามลม" "ปากหวานก้นเปรี้ยว" ดังพวก "อาจม-อาจาน" มหาวิทยาลัยดังๆ หลายคน ที่แท้จริงแล้วกลับเลือกข้างไปเดินขบวนไปก่อการกบฏอยู่ข้างถนน ผมไม่เคยไปร่วมชุมนุมกับฝ่ายใด เพียงแต่ไปสังเกตการณ์มาเขียนให้ข้อคิดเท่านั้น
4. ความน่าเชื่อถือของผมนั้น ไม่ได้ใช้สถานะของความเป็น "อาจม-อาจาน" หรือเกาะเกี่ยวสถาบันใด มาอ้างอิงเพื่อเอาประโยชน์เข้าส่วนตัวเลย ผมใช้ปณิธานที่พิสูจน์ได้ของผมที่ว่า ผมเป็นนักวิชาการ ผู้ประเมินค่าทรัพย์สิน และนักวิจัยที่เป็นกลาง โดยไม่ได้ประกอบอาชีพเป็นนายหน้า หรือเป็นนักพัฒนาที่ดินไปพร้อมกัน ผมไม่ต้องการให้เกิดผลประโยชน์ขัดแย้งในตัวเอง งานที่ผมทำจึงได้รับความเชื่อถือจากทุกสีเสื้อ และไม่อิงแอบการเมืองมาหากิน หางานเหมือนพวก "อาจม-อาจาน" ใดๆ
5. ที่สำคัญ งานที่ผมทำเป็นที่ปรึกษาด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ หรือทำการศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาโครงการต่าง ๆ นั้น ก็ช่วยให้โครงการเหล่านั้นประสบความสำเร็จด้วยดี โครงการที่ให้คำปรึกษาล้วนสามารถพัฒนาโครงการกระทั่งประสบความสำเร็จทุกราย นี่จึงเป็นผลงานที่พิสูจน์ได้ถึงความน่าเชื่อถือ ผมไม่เคยไปแอบขอเป็นหุ้นส่วนกับโครงการที่ผมไปช่วย แล้วโกงหุ้นกลายเป็นเจ้าของโครงการ ผมไม่เคยไปรับตำแหน่งประธานบริษัทพัฒนาที่ดินจนเจ๊งคาตำแหน่ง แต่กลับยังเชิดหน้าชูตาในสังคม นั่นไม่ใช่วิสัยของผมครับ
6. ผมทำงานแต่ละงานได้คุ้มค่า จึงไม่ได้ติดค้าง ไม่เคย "กินบนเรือน ขี้บนหลังคา" ของใคร ไม่เคยเป็น "ลูกกระจ๊อก" ของนักพัฒนาที่ดินรายใหญ่น้อยใด ๆ ไม่เคยหากินด้วยลิ้น หรือพาลูกค้าไปตีกอล์ฟ "หลุม 19" แต่อย่างใด จึงไม่ได้ติดค้างหนี้บุญคุณเชิงทุจริตของใคร
7. แม้ผมจะเคยไปสมัครผู้ว่าฯ กทม. แต่ก็เพียงไปแสดงทัศนะการวางแผนพัฒนาเมืองตามที่ได้ร่ำเรียนจนจบดุษฎีบัณฑิตมา (www.sopon4.blogspot.com) ไม่ได้คิดมักใหญ่ใฝ่สูงเลย ผมไม่นิยมอำนาจ ไม่นิยมให้ใครมากราบไหว้ ผมต่างหากที่กลับยกมือไหว้พนักงานหนุ่มสาวคราวลูกหลานของผมก่อนเสมอ หากผมเห็นหน้าพวกเขาก่อน
ถ้าท่านใดเห็นความน่าเชื่อถือของผม ก็มาใช้บริการด้วยความไว้วางใจได้นะครับ