ความข้างต้นอาจดูโอ้อวดด้วยเปลือก โปรดอย่าเพิ่งติดเปลือก โปรดทิ้งเปลือกเอาแก่น และมากระเทาะเปลือกความดีจอมปลอมในสังคมกัน นี่เป็นการนำเสนอมุมมองของ ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย (www.area.co.th)
เมื่อวานนี้ ผมจัดงานสัมมนาอสังหาริมทรัพย์เชียงใหม่ ร่วมกับหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ โดยผมออกเงิน 55,000 บาท เป็นค่าเช่าห้องสัมมนาและเครื่องดื่มเครื่องเคียงที่โรงแรมดวงตะวันเชียงใหม่สำหรับผู้เข้าร่วม 200 คน จัดสัมมนาฟรีให้ความรู้นักพัฒนาที่ดิน สถาบันการเงิน นักลงทุนเกี่ยวกับตลาดที่อยู่อาศัยเชียงใหม่ จะได้ไม่ผิดพลาด ไม่ทำเศรษฐกิจพังตามไป ผมยังออกค่าเครื่องบินเองพร้อมพาเพื่อนร่วมงานไปช่วยบริการ หากรวมค่าข้อมูลความรู้คงเป็นเงินนับแสนบาท ปีหนึ่งผมทำอย่างนี้หลายๆ ครั้ง
นี่ยังดีนะครับ ถ้าเป็นส่วนราชการบางแห่งจัด ยังต้องไปเกณฑ์คนมาฟัง แจกค่ารถให้มาฟังอีกต่างหาก ก็ไม่ใช่เงินของพวกเขานี่ครับ เลยแจกส่งเดช!
ในแง่หนึ่งที่ผมยอมจ่ายเงิน สละเวลา และออกแรงไป ก็เพื่อหวังว่าจะได้ลูกค้า เขาจะเห็นว่าเรามีความรู้ความสามารถ มาใช้บริการเราในภายหลัง ผมไม่หาลูกค้าด้วยการติดสินบน หรือพาไป "แดกเหล้า เคล้านารี ตีกอล์ฟหลุม 19" ผมก็ได้แต่หวังใจว่า ด้วยอานิสงส์ผลบุญแบบนี้ ผมจะได้ลูกค้ามาใช้บริการวิชาชีพประเมินค่าทรัพย์สิน สำรวจวิจัยอสังหาริมทรัพย์ วางแผนการพัฒนาโครงการ ฯลฯ ของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ไทย AREA (www.area.co.th) ของเรา ผมจะให้ประกอบสัมมาอาชีพ เลี้ยงครอบครัว และเพื่อนร่วมงานอีก 120 ชีวิตได้อย่างยั่งยืน
อย่าลืมมาใช้บริการของพวกเรานะครับ คนที่มาปรึกษาผมก่อนขึ้นโครงการ จะประสบความสำเร็จทุกราย ไม่มีเจ๊งแน่นอนครับ อย่าลืมนะครับ "ฆ่าควาย อย่าเสียดายเกลือ"
จริงๆ แล้วผมจะบินชั้นธุรกิจ หรือบินไปนอนล่วงหน้าในโรงแรมหรูๆ ที่เชียงใหม่และเที่ยวพักผ่อนสักคืน มี "ลูกหาบ" คอยแห่แหนมารับเหมือนอย่างพวกข้าราชการอาวุโส ก็น่าจะทำได้ ผมพาเพื่อนร่วมงานขึ้นเครื่องบินชั้นประหยัด ไปเช้าเย็นกลับเพราะจัดสัมมนาช่วงบ่าย ไปมาด้วยรถแท็กซี่หรือรถสาธารณะ ผมพยายามช่วยตัวเองให้ได้มากที่สุด ส่วนหนึ่งก็เพื่อเป็นการลดอัตตา และทดสอบความเข้มแข็งของตัวเองอีกด้วย ที่ผมใช้เงินอย่างประหยัดที่สุด แต่กับเพื่อนร่วมงาน ผมกลับเลี้ยงโต๊ะจีนยามจัดอบรม พาไปเที่ยวต่างจังหวัด ชา กาแฟ ไมโล ก็มีให้ดื่มได้ทุกวัน ฯลฯ
ผมไม่ได้ตระหนี่นะครับ ผมจัดสวัสดิการสุดยอดจนได้รางวัลจาก 3 นายกฯ เชียวนะครับ (ทักษิณ ยิ่งลักษณ์ และประยุทธ์)
เห็นภาพไหมครับ ผมไปแบบปกติ สูทอยู่ในกระเป๋า แล้วค่อยใส่สูทบรรยาย จากนั้นก็ช่วย "เพื่อนร่วมงาน" ของผมขนของกลับกรุงเทพมหานคร ผมมีคุณวุฒิและวัยวุฒิไม่น้อยกว่าพวกข้าราชการชั้นผู้ใหญ่หลายคนที่ชอบทำตัวเป็นเจ้าขุนมูลนาย ส่วนผมเห็นว่าเป็นสิ่งที่ไม่ดีต่อประเทศชาติเป็นอย่างยิ่ง ผมจึง "ประท้วงชีวิต" ทำสวนกระแสให้เป็นเช่นนี้เสมอครับ ผมไม่ต้องไปเลียใจ ไม่เคยต้องสยบต่ออำนาจไร้ค่าพวกนั้น
ท่านใด พอแลเห็นไหมครับ