AREA แถลง ฉบับที่ 70/2553: 15 พฤศจิกายน 2553
อสังหาริมทรัพย์เดือนตุลาคม 'ทะลัก' 17,375 หน่วย 42,846 ล้าน
ผู้แถลง: ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธาน
ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส
ในเดือนตุลาคมนี้ มีโครงการเกิดใหม่เปิดขึ้นมาอย่างคึกคัก รวมทั้งหมด 52 โครงการ โดยเฉพาะกลุ่มอาคารชุดระดับราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท เนื่องจากมีผู้ประกอบการรายใหญ่หลายรายได้หันมาพัฒนาอาคารชุดระดับราคานี้มากขึ้น โดยลักษณะการพัฒนาในเดือนนี้ 99.8% เป็นการพัฒนาในกลุ่มที่อยู่อาศัย ส่วนที่เหลือ 0.2% เป็นการพัฒนาในอสังหาริมทรัพย์ประเภทอื่นๆ จำนวนหน่วยขายของอสังหาริมทรัพย์ที่เปิดใหม่ในเดือนนี้มีจำนวนรวม 17,375 หน่วย และมีมูลค่าการพัฒนาโครงการรวม 42,846 ล้านบาท
จำนวนอสังหาริมทรัพย์ที่เกิดขึ้นใหม่ในเดือนนี้มีทั้งหมด 17,357 หน่วย โดยประเภทที่มีการพัฒนามากที่สุดยังคงเป็นอาคารชุดมีจำนวน 10,477 หน่วย (60%) รองลงมาคือทาวน์เฮ้าส์ 4,195 หน่วย (24%) ส่วนอันดับ 3 คือ บ้านเดี่ยว 2,430 หน่วย (14%) ของจำนวนหน่วยขายที่เปิดขายใหม่ทั้งหมด
ลักษณะการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในเดือนนี้ที่อยู่อาศัยประเภทอาคารชุดยังคงร้อนแรงยู่ โดยจะพบว่า 82% ของอาคารชุดที่เปิดขายมีระดับราคาไม่เกิน 2.000 ล้านบาท จำนวน 8,635 หน่วย หรือประมาณ 50% ของอสังหาริมทรัพย์ที่เปิดขายทั้งหมดในเดือนนี้ ซึ่งที่ตั้งของโครงการอาคารชุดที่เปิดขายส่วนใหญ่จะตั้งอยู่บริเวณพื้นที่เขตชั้นกลาง และส่วนต่อขยายของแนวรถไฟฟ้าเป็นสำคัญ ส่วนที่อยู่อาศัยบ้านเดี่ยว และทาวน์เฮ้าส์มีการเปิดเพิ่มมากขึ้นจากเดือนที่ผ่านมา
ในแง่ของมูลค่ารวมของการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่เกิดใหม่ในเดือนตุลาคม 2553 นี้มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 42,846 ล้านบาท หากพิจารณาประเภทที่มีมูลค่าการพัฒนาสูงสุดแล้ว จะพบว่าในเดือนนี้อาคารชุดมีมูลค่าการพัฒนาสูงที่สุด โดยมีมูลค่า 21,078 ล้านบาท (49%) รองลงมา คือ บ้านเดี่ยว 10,566 ล้านบาท (25%) และทาวน์เฮ้าส์ 10,170 ล้านบาท (24%) ของมูลค่าการพัฒนาทั้งหมดตามลำดับ ดังนั้นภาพรวมของการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในเดือนนี้ส่วนใหญ่จะเน้นกลุ่มเป้าหมายระดับล่างถึงปานกลางเช่นเดือนที่ผ่านมา โดยเฉพาะกลุ่มอาคารชุดระดับราคาไม่เกิน 2 ล้านบ้าน
เมื่อพิจารณาอัตราการขายได้ จะพบว่าในเดือนแรกของการเปิดขายมีอัตราการขายได้เฉลี่ยที่ 37% ต่อเดือน โดยประเภทอสังหาริมทรัพย์ที่ขายดีอันดับ 1 คือ อาคารชุดระดับราคา 2.001-3.000 ล้านบาท มีจำนวน 641 หน่วย ขายได้แล้ว 607 หน่วย (95%) รองลงคือ อาคารชุดระดับราคา 3.001-5.000 ล้านบาท มีจำนวน 592 หน่วย ขายได้แล้ว 349 หน่วย (59%)
เมื่อพิจารณาถึงผู้ประกอบการที่เปิดตัวโครงการใหม่ในเดือนนี้ จะพบว่าเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ (มหาชน) จำนวน 8 บริษัท คือ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) บริษัท เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) บริษัท โนเบิล ดีเวลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) บริษัท อารียา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) และมีบริษัทที่อยู่ในเครือบริษัทมหาชนอีก 4 บริษัท นอกจากนี้ก็ยังมีบริษัททั่วไปอีกจำนวนหนึ่ง
การที่รัฐบาลจะออกมาตรการใด ๆ ในการแก้ไขปัญหาฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์นั้น จะต้องมีข้อมูลที่ชัดเจน ทันการและเพียงพอในการใช้ตัดสินใจ เพื่อประโยชน์ของผู้บริโภคเป็นสำคัญ เพราะหากผู้บริโภคมีความมั่นใจเป็นอันดับแรก ก็จะกลับมาเป็นกำลังซื้อสินค้าในตลาดได้มหาศาล ทำให้ผู้ประกอบการได้รับประโยชน์ในที่สุด
ผู้แถลง:
ดร.โสภณ พรโชคชัย (sopon@area.co.th) ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส หรือ AREA (www.area.co.th): ในฐานะศูนย์ข้อมูล-วิจัยและประเมินค่าทรัพย์สินที่มีฐานข้อมูลภาคสนามขนาดใหญ่ที่สุด ได้รับ ISO 9001-2008 ทั้งระบบแห่งแรกในฐานะที่ปรึกษาอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย ได้รับรางวัลจรรยาบรรณดีเด่น และเป็นสมาชิก UN Global Compact อีกด้วย |