ดร.สมคิด รองนายกฯ บอกเศรษฐกิจโลกและสหรัฐยังไร้แววฟื้น ทำไมไม่เลิกพูดผิดความจริงเสียที เศรษฐกิจโลกยังเติบโตกว่าไทย การรู้ข้อมูลผิด ๆ และให้ข้อมูลผิด ๆ โดย ดร.สมคิด อาจพาชาติเสียหายได้
ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจ กล่าวปาฐกถาในงานสัมมนา SINO-THAI BUSINESS INVESTMENT FORUM 2016 ซึ่งมีภาคธุรกิจและนักลงทุนชาวจีนเข้าร่วมสัมมนาอย่างคับคั่ง ว่า เศรษฐกิจโลกกำลังถดถอยและยังไร้วี่แววแห่งการฟื้นตัวเศรษฐกิจสหรัฐยังเอาแน่ ไม่ได้ว่าจะฟื้นตัวเมื่อไรและจะฟื้นตัวอย่างไรและหากเราดูจากตัวเลขการเติบ โตของสหรัฐตลอด 20 ปีที่ผ่านมานี้ ถดถอยลงโดยลำดับจนอยู่ที่ระดับ 1 % (https://goo.gl/jbm1iv)
ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย (www.area.co.th) กล่าวว่า ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เคยกล่าวไว้ว่า "เราเป็นประเทศเดียวที่ถูกปรับให้เป็นบวก แต่ไม่ประมาท เพราะหลายปีที่ผ่านมาเราเคยต่ำถึง 0.8% แต่ปีนี้เขาปรับให้เราจาก 2.0% เป็น 2.5% และปีหน้าคาดว่าจะโต 2.6% ในขณะที่เศรษฐกิจโลกมีแต่ทรงกับทรุด" (http://bit.ly/2d0VmMW) และล่าสุดท่านก็ยังพูดในงานแถลงผลงานครบรอบ 2 ปีโดยย้ำว่าท่านพัฒนาเศรษฐกิจจาก 0.8% ในปี 2557 ซึ่งเป็นปีที่มีรัฐประหารจนดีขึ้นในขณะนี้ (http://bit.ly/2dnC1da)
ที่มา: www.thaitribune.org/images/2016/6%20June/6-12/Post.jpg
ดร.สมคิดบอกว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ (GDP) ของไทย ในปี 2559 ได้รับการปรับเพิ่มโดยธนาคารโลก จาก 2% เป็น 2.5% โดยถือเป็นประเทศเดียวในภูมิภาคนี้ (อาเซียน) ที่ได้รับการปรับเพิ่ม ที่ท่านพูดนี้ เป็นความจริงด้านเดียว ด้านที่ท่านไม่ได้พูดก็คือ ในอาเซียนนี้ ประเทศไทยมีการเติบโตของ GDP ที่ต่ำที่สุด ยกเว้นบรูไนและสิงคโปร์ที่เป็นประเทศที่รวยที่สุดในอาเซียน
การที่แทบทุกประเทศในอาเซียนต่างเติบโตดีกว่าไทยทั้งสิ้น ก็เพราะประเทศเหล่านี้ไม่มีรัฐประหารต่างหาก ลองตรองดูได้ง่าย ๆ ว่าหากวันนี้ มีข่าวรัฐประหารในฟิลิปปินส์ที่เคยเกิดบ่อยที่สุดพอ ๆ กับไทย หรือคณะทหารอินโดนีเซียยึดอำนาจจากประธานาธิบดีที่มาจากการเลือกตั้ง และชนะแบบไม่ขาด หรือคณะทหารเมียนมายึดอำนาจจากอองซานซูจีเช่นที่เคยเกิดขึ้นเมื่อ 27 ปีก่อน นักลงทุนต่างชาติที่แห่กันไปยังประเทศเหล่านี้คงหนีหายไปหมดเป็นแน่
ที่มาของรูป: http://bit.ly/2cC3mo3
ดร.สมคิดมองเพียงจุดเดียวที่ว่าตอนที่รัฐบาลจากรัฐประหารมานั้นเศรษฐกิจตกต่ำเหลือ 0.8% ดังนั้นที่ท่านทำได้ที่ 2.8% ในปี 2558 นั้น แสดงว่าเป็นผลงานของรัฐบาล ดร.สมคิดจงใจมองเฉพาะจุด โดยไม่กลับไปมองว่า เมื่อปี 2555 รัฐบาลยิ่งลักษณ์สามารถทำให้เศรษฐกิจเติบโตถึง 7.1% หลังจากที่ได้มาบริหารประเทศเพียงปีเดียว และในปี 2554 ที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์มา GDP ของไทยก็อยู่ที่ 0.8% เช่นเดียวกัน แต่ GDP ในปี 2556 และ 2557 กลับตกต่ำลงไปเพราะการก่อความไม่สงบเพื่อโค่นล้มรัฐบาลยิ่งลักษณ์ จนประเทศชาติพังพินาศต่างหาก (http://bit.ly/2cElj5u)
ดร.สมคิดยังชอบอ้างว่าเศรษฐกิจโลกมีแต่ทรงกับทรุด อ้างว่าเศรษฐกิจไทยไม่ดีเพราะเศรษฐกิจโลก ข้อนี้ก็ไม่เป็นความจริง การส่งออกที่ไม่ดี ความสามารถในการแข่งขันของไทยที่ลดลง แม้แต่ราคายางที่ขายได้ ก็ยังเคยขายได้ต่ำกว่าราคาที่มาเลเซียขายได้ (http://bit.ly/1PYDSBa) ยิ่งประเทศไม่เป็นประชาธิปไตย การตรวจสอบก็ไม่มี สิ่งที่ทางราชการดำเนินการต่าง ๆ ในส่วนราชการ ในสภาจากการแต่งตั้งสรรหา จะมีความโปร่งใสหรือไม่อย่างไร ก็ไม่อาจตรวจสอบได้
ถ้าผู้นำการพัฒนาเศรษฐกิจของรัฐบาลเช่น ดร.สมคิด ยังใช้ข้อมูลที่ไม่เป็นจริงในการบริหาร อาจทำให้ประเทศชาติเสียหายได้ ดร.โสภณ จึงออกมาแสดงความคิดเห็นเพื่อประโยชน์ต่อส่วนรวม
ดังนั้น ดร.โสภณ จึงตั้งเป็นข้อสังเกตไว้ว่า การที่ ดร.สมคิด เลือกเอาความจริงบางส่วนมาพูดนั้น แสดงเจตนาที่อาจไม่ตรงไปตรงมาหรือไม่ เป็นการอ้างอิงเพียงเพื่อโฆษณาตนเองหรือไม่ จะน่าเชื่อถือหรือไม่ จะสามารถนำพาประเทศไปสู่ความเจริญได้จริงหรือไม่ (ถ้าได้ ดร.โสภณ ก็ขออนุโมทนาสาธุด้วย) และจะเป็นที่ไว้วางใจได้ของหัวหน้ารัฐบาลที่นำรัฐนาวาหรือไม่