อ่าน 2,043 คน
AREA แถลง ฉบับที่ 75/2553: 30 พฤศจิกายน 2553
ต้นทุนการอนุรักษ์ต้นจามจุรี อายุ 100 ปี

ผู้แถลง: ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธาน
ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส

          ตามที่มีข่าวว่าจะมีการตัดต้นจามจุรียักษ์อายุนับร้อยปีจำนวนหลายต้นและต้นไม้ขนาดใหญ่อื่น ในพื้นที่ใกล้ปากซอยสุขุมวิท 35 ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส จึงขอประมาณการต้นทุนการอนุรักษ์ต้นจามจุรีดังกล่าว เพื่อให้ทุกฝ่ายได้พิจารณา
          ที่ดินแปลงนี้ตั้งอยู่ห่างจาก ถ.สุขุมวิท 35 ตรงข้ามห้างเอ็มโพเรียมประมาณ 100 เมตร มีสภาพทิ้งรกร้างเป็นป่า มีต้นไม้ใหญ่อายุนับร้อยปีอยู่หลายต้น ตามข่าวบอกว่าเจ้าของที่ดินคือกลุ่มไบเทค และจะนำที่ดินดังกล่าวไปสร้าง ‘เอ็มโพเรียม 2’
          ได้มีข้อเสนอให้ย้ายต้นไม้ใหญ่เหล่านี้ออกนอกพื้นที่แทนที่จะตัดทิ้ง อย่างไรก็ตาม หากจะย้ายต้นไม้จริง ต้องริดกิ่งที่แผ่กิ่งก้านในรัสมี 30 เมตร เหลือสภาพคล้าย ‘ธูป’ การย้ายต้นไม้เช่นนี้ ต้นไม้มีโอกาสรอด 20% และหากต้นไม้รอดตาย ก็เสียกิ่งก้านที่สวยงาม และต้องใช้เวลานานนับเดือน
          หนทางเดียวที่จะรักษาต้นไม้ไว้ได้อย่างสมบูรณ์ก็คือการไม่ตัดต้นไม้ ซึ่งหมายความว่าต้องมีการซื้อที่ดินแปลงดังกล่าวมาทำเป็นป่าหรือสวนสาธารณะ และปรับปรุงทัศนียภาพ ซึ่งย่อมเป็นผลดีต่อชุมชนบริเวณใกล้เคียงเป็นอย่างยิ่ง
          อย่างไรก็ตามในการนี้ ต้องมีต้นทุนค่าดำเนินการ ซึ่งต้นทุนหลักคงเป็นต้นทุนด้านที่ดิน ส่วนต้นทุนการปรับปรุงพื้นที่เพื่อให้เป็นเช่นสวนสาธารณะ ค่าดำเนินการ สิ่งอำนวยความสะดวก การดูแลรักษา คงเป็นเงินไม่มากนักเมื่อเทียบกับค่าที่ดิน
          จากการสำรวจต่อเนื่องของ ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส ซึ่งดำเนินการสำรวจราคาที่ดินต่อเนื่องมาตั้งแต่ พ.ศ.2537 พบว่า ราคาที่ดินติดถนนสุขุมวิทในบริเวณติดรถไฟฟ้าพร้อมพงษ์นี้ เป็นเงินตารางวาละ 800,000 บาท
          สำหรับที่ดินในซอย เช่นที่ดินแปลงนี้อาจเป็นเงินตารางวาละประมาณ 500,000 บาท อย่างไรก็ตามหากสามารถนำมาเชื่อมต่อกับแปลงหน้าเพื่อก่อสร้างเป็น ‘เอ็มโพเรียม 2’ ราคาที่ดินทั้งผืนที่ติดถนนและผืนที่เป็นป่ารวมกันคงเป็นเงินไม่ต่ำกว่าตารางวาละ 600,000 บาท หากที่ดินแปลงนี้มีขนาด 1,000 ตารางวา มูลค่าที่ดินหรือต้นทุนที่ดินในการทำสวนสาธารณะคงเป็นเงินประมาณ 500 ล้านบาท
          เงิน 500 ล้านบาทนี้ ใครควรเป็นผู้จ่าย ชาวบ้านหรือเจ้าของที่ดินใกล้เคียงที่จะได้รับประโยชน์โดยตรง จะยินดีจ่ายหรือไม่ ชาวกรุงเทพมหานครหรือกลุ่มอนุรักษ์จะสามารถระดมเงินมาจ่ายหรือไม่ กรุงเทพมหานครสมควรจ่ายหรือไม่ เพราะผู้ได้ประโยชน์อาจอยู่ในพื้นที่เขตคลองเตยและเขตวัฒนาเป็นสำคัญ
          หากรัฐบาลส่วนกลางเป็นผู้จ่าย ก็เท่ากับการจ่ายเงินจากภาษีอากรของประชาชนคนไทยทั่วประเทศ เพื่อคนที่ได้รับประโยชน์จำนวนหนึ่งเป็นสำคัญ ซึ่งอาจก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมในสังคมในอีกแง่หนึ่ง ดังนั้นทุกฝ่ายจึงควรพิจารณาให้รอบคอบ
          อย่างไรก็ตามปัญหานี้เป็นผลของปัญหาการไม่มีภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง เพราะหากมีภาษีประเภทนี้ เจ้าของที่ดินก็คงไม่เก็บที่ดินให้รกร้างว่างเปล่ามานับร้อยปีจนต้นไม้มีอายุนับร้อยปี เพราะจะต้องเสียภาษีอย่างน้อย 0.5% ต่อปี ยิ่งในต่างประเทศก็คงเสียภาษีมากกว่านี้คือประมาณ 1-2% ต่อปี
          หากมีกฏหมายการเสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง และเจ้าของที่ดินไม่ได้จ่ายภาษีมาถึงทุกวันนี้ ก็เท่ากับที่ดินแปลงนี้น่าจะตกเป็นของรัฐ หรือของประชาชนโดยรวมไปแล้ว ไม่ใช่กลายเป็นการทิ้งไว้ให้ราคาที่ดินเพิ่มขึ้นและได้ประโยชน์เฉพาะเจ้าของที่ดิน (โดยเฉพาะรายใหญ่) เช่นที่เกิดขึ้นเช่นนี้

ที่มา:
          ชาวเฟซบุ๊กโวยต้านนายทุนตัด"ต้นจามจุรี100ปี": http://www.komchadluek.net/detail/20101125/80772/ชาวเฟซบุ๊กโวยต้านนายทุนตัดต้นจามจุรี100ปี.html
          คนออนไลน์ฮึดหนุน โปรเจ็กต์"BIGtrees" ยื้อชีวิตต้นไม้ใหญ่ใน กทม. http://www.thairath.co.th/content/tech/130565

ผู้แถลง:
ดร.โสภณ พรโชคชัย (sopon@area.co.th) ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส หรือ AREA (www.area.co.th): ในฐานะศูนย์ข้อมูล-วิจัยและประเมินค่าทรัพย์สินที่มีฐานข้อมูลภาคสนามขนาดใหญ่ที่สุด ได้รับ ISO 9001-2008 ทั้งระบบแห่งแรกในฐานะที่ปรึกษาอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย ได้รับรางวัลจรรยาบรรณดีเด่น และเป็นสมาชิก UN Global Compact อีกด้วย

2024 Copyright © by area.co.th All Rights Reserved