AREA แถลง ฉบับที่ 76/2553: 9 ธันวาคม 2553
ข้อคิดของการให้ต่างชาติซื้อบ้านในมาเลเซีย
ผู้แถลง: ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธาน
ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส
มาเลเซียมีโครงการ “Malaysia, Your Second Home” (MM2H Program) เพื่อจูงใจให้ต่างชาติมาลงทุนในอสังหาริมทรัพย์มาเลเซีย ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส ได้รับเชิญไปบรรยายเรี่องอสังหาริมทรัพย์ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ เมื่อเร็ว ๆ นี้ ได้ข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับโครงการดังกล่าว ซึ่งควรเป็นกรณีตัวอย่างหรือบทเรียนแก่ประเทศไทย
ประเทศมาเลเซียอนุญาตให้ต่างชาติซื้อบ้านแบบสิทธิขาด (Freehold) ได้ในราคาเกินกว่า 2.5 ล้านบาทขึ้นไป (ยกเว้นที่ซาราวัก ต้อง 3.5 ล้านบาทขึ้นไป) และได้สิทธิวีซาเข้าเมืองอย่างถูกต้อง นอกจากนี้ยังสามารถเช่าที่ดินในระยะเวลา 60 - 99 ปีได้อีกด้วย ทั้งนี้ไม่จำกัดจำนวนหลังสำหรับชาวต่างชาติ โดยซื้อได้ในพื้นที่ที่ไม่ใช่ที่ดินที่สงวนเฉพาะคนเชื้อสายมาเลย์ ซึ่งคงมีส่วนที่สงวนไว้มากมายทั่วประเทศ นอกจากนั้นยังจะซื้อที่ดินเพื่อการเกษตรกรรมไม่ได้ ยกเว้นเพื่อการพาณิชย์และมีขนาด 12.64 ไร่ขึ้นไป ยิ่งกว่านั้นการซื้อนี้เป็นการนำเงินเข้ามาซื้อเพื่อเข้ามาอยู่อาศัย มีแผนที่จะย้ายเข้ามาอยู่ในมาเลเซียจริง ไม่ใช่ให้ซื้อเก็งกำไร
ชาวต่างชาติมีโอกาสกู้เงินซื้ออสังหาริมทรัพย์ในมาเลเซีย หากเป็นคนทำงานในมาเลเซีย โดยกู้ได้ประมาณ 60-80% ของมูลค่าเท่านั้น แต่ถ้าเป็นคนมาเลเซียสามารถกู้ได้ 90% ยิ่งถ้าเป็นคนเชื้อสายมาเลย์ (ไม่ใช่จีนหรืออินเดีย) ยังสามารถซื้อบ้านในราคาลดกว่าปกติอีกด้วย เพราะที่มาเลเซียเขาถือคล้ายกับว่าเป็นแผ่นดินคนเชื้อชาติมาเลย์ ส่วนคนอื่นเป็นผู้มาอาศัย
อย่างไรก็ตาม แม้รัฐบาลมาเลเซียจะพยายามกระตุ้นให้ต่างชาติซื้อที่อยู่อาศัยและย้ายมาอยู่ในมาเลเซีย แต่ในปัจจุบันรัฐบาลมาเลเซียพยายามลดทอนการเก็งกำไรด้วยการให้ผู้ซื้อบ้านหลังที่สองกู้ได้ในสัดส่วนที่น้อยลง จาก 90% เหลือราว 70-80% ของมูลค่าบ้าน และมีการเก็บอากรแสตมป์พิเศษ คล้ายภาษีธุรกิจเฉพาะสำหรับผู้ที่ซื้อขายบ้านภายในกำหนดเวลา 3 ปี
ในรายละเอียดของชาวต่างชาติที่สนใจจะเข้าร่วมโครงการ MM2H Program ต้องมีอายุ 50 ปีขึ้นไป แต่สำหรับผู้ที่มี่อายุต่ำกว่านี้ ต้องมีเงินฝากในมาเลเซียอย่างน้อย 3 ล้านบาท และภายใน 1 ปี ผู้เข้าร่วมสามารถถอนเงินได้ 1.5 ล้านบาทเพื่อการใช้จ่ายแต่อย่างน้อยต้องมีเงินเหลือติดบัญชี 1.5 ล้านบาท และสำหรับผู้ที่มีอายู 50 ปีขึ้นไป อาจสามารถมีเงินฝากได้ 1.5 ล้านบาทในบัญชี หรือมีใบรับรองว่ามีเงินบำนาญเดือนละไม่ต่ำกว่า 100,000 บาท
จากข้อมูลของทางราชการมาเลเซีย มีผู้เข้าร่วมโครงการแล้ว 20,000 คน แต่ไม่ปรากฏว่ามีมูลค่าทรัพย์สินในการซื้อขายเท่าไหร่ หากประมาณการจำนวนคนซื้อที่ 60% หรือ 12,000 คน และซื้อบ้านหรือห้องชุดคนละ 1 หน่วย ๆ ละประมาณ 3 ล้านบาท (ไม่ต่ำกว่า 2.5 ล้านบาท) ก็เป็นเงินเพียง 36,000 ล้านบาทเท่านั้น หากพิจารณาจากการรณรงค์ให้ชาวต่างชาติมาซื้อบ้านในมาเลเซียกันอย่างยาวนาน แต่ได้เม็ดเงินและจำนวนคนเท่านี้ ก็นับว่าโครงการนี้ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควรในการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่คงประสบความสำเร็จในการกระตุ้นยอดขายของโครงการอสังหาริมทรัพย์บางแห่งเป็นสำคัญ
ผู้แถลง:
ดร.โสภณ พรโชคชัย (sopon@area.co.th) ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส หรือ AREA (www.area.co.th): ในฐานะศูนย์ข้อมูล-วิจัยและประเมินค่าทรัพย์สินที่มีฐานข้อมูลภาคสนามขนาดใหญ่ที่สุด ได้รับ ISO 9001-2008 ทั้งระบบแห่งแรกในฐานะที่ปรึกษาอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย ได้รับรางวัลจรรยาบรรณดีเด่น และเป็นสมาชิก UN Global Compact อีกด้วย |