เมื่อเร็วๆ นี้ มีข่าวว่า "ครม.ปิด 'เหมืองอัครา' ส่อล่ม อุตฯหวั่นพ.ร.บ.แร่ไร้อำนาจ" (http://bit.ly/2f015XN) โดยมีความว่านางอรรชกา สีบุญเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 10 พ.ค. 2559 มีคำสั่งให้ต่อใบอนุญาตโรงประกอบโลหกรรม บริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด. . . ถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2559. . .ตอนนี้ยังไม่มี พ.ร.บ.ฉบับไหนสั่งปิดเหมืองได้ เว้นแต่มีหลักฐานและพบว่ามีความผิดจริง เราต้องย้อนกลับไปดูเรื่องกรอบของกฎหมาย และเขตการค้าเสรี (FTA) ระหว่างไทยและออสเตรเลียอีกครั้งตามที่มติครม.มีคำสั่งมารอบที่ 2 ซึ่งให้กระทรวงอุตสาหกรรมพิจารณาตามกฎหมาย แต่เราไม่สามารถบอกได้ว่าอัคราฯ จะเปิดดำเนินการได้ต่อหลังสิ้นปี ส่วนผลการตรวจทั้งสุขภาพและสิ่งแวดล้อมยอมรับว่าช้า จากที่ต้องแล้วเสร็จภายในเดือน ต.ค.-พ.ย.นี้"
ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส ได้เคยสำรวจพบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ถึง 78% หรือราวสี่ในห้า ต้องการให้เหมืองเปิดดำเนินการต่อไป มีเพียงส่วนน้อยราว 22% ที่เห็นควรให้ปิดเหมืองตามคำสั่งของทางราชการ การนี้จึงแสดงให้เห็นว่าความต้องการที่แท้จริงของประชาชนในพื้นที่คือความต้องการเหมือง ส่วนที่มีประชาชนจำนวนหนึ่งออกมาคัดค้านนั้น ในแง่หนึ่งเป็นคนส่วนน้อย (ซึ่งก็พึงรับฟัง) และในอีกแง่หนึ่งก็เป็นกลุ่มบุคคลภายนอกที่ไมได้รับรู้ข้อมูลโดยตรงจากการอยู่อาศัยในพื้นที่ (http://bit.ly/1slFPir)
ที่ผ่านมาไม่มีใครป่วยและตายเพราะเหมืองแต่มีการยกการตายอื่นมป้ายสีเหมือง เช่นกรณีนายสมคิด ธรรมพเวช ที่เสียชีวิตจากสาเหตุปอดอักเสบบวม และภาวะลิ่มเลือดอุดตันในเนื้อปอด ไม่มีสาเหตุมาจากการทำงานในเหมืองแร่ทองคำชาตรี โดยภริยานายสมคิดระบุว่า "แต่ยังมีผู้ไม่หวังดีแอบอ้างการเสียชีวิตของสามีตน นำไปเป็นข้ออ้างในการต่อต้านเหมืองแร่ทองคำชาตรีอยู่อีก นอกจากนี้ ยังมีการไปแอบอ้างรับบริจาคเงินด้วย โดยที่ตนเองและครอบครัวไม่ได้อนุญาต และไม่ได้รับเงินที่รับบริจาค" (http://bit.ly/1X6tFr2)
อีกกรณีหนึ่งก็คือนายเฉื่อย บุญส่ง ชาวบ้านที่อาศัยอยู่รอบเหมืองแร่ทองคำ ได้เสียชีวิตลงโดยจากการตรวจสอบพบสารแมงกานีสสูงเกินค่ามาตรฐาน อย่างไรก็ตามนายเฉื่อยก็มีโรคตับแข็งด้วย (http://bit.ly/1VuKzxN) ส่วนในกรณีพบสารเคมีนั้น จากการตรวจสอบของทางราชการกลับพบว่าในพื้นที่รอบเหมืองมีสารเคมี (เหล็ก แมงกานีส สารหนู) เกินค่ามาตรฐานก่อนการทำเหมืองแล้ว (http://bit.ly/2e73Ebl) ยิ่งกว่านั้นการที่คนไข้มีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงนั้น ไม่ใช่เพราะการทำเหมือง
พวกเอ็นจีโอมักใส่ไคล้ว่า พืชผักต่าง ๆ ในบริเวณใกล้เคียงเหมือง ไม่สามารถรับประทานได้ ซึ่งไม่เป็นความจริง พืชผักยังทานได้ตามปกติ เมื่อเดือนมีนาคม 2559 ชาวตำบลเขาเจ็ดลูก จ.พิจิตร เข้าแจ้งความกรณีถูกหลอกลงชื่อรับผักปลอดสารพิษ ก่อนนำไปแอบอ้างเป็นผู้ได้รับผลกระทบจากเหมืองแร่ทองคำ (http://bit.ly/1P3rjAQ) การแจกผักปลอดสารพิษของเอ็นจีโอ จึงเป็นเพียง “ดรามา” ที่ใส่ไคล้ว่าสิ่งแวดล้อมไม่ดี
อีกกรณีหนึ่งก็คือเมื่อเดือนมีนาคม 2558 ชาวนาข้างเหมืองทองอัคราพิจิตรได้แจ้งความเอาผิดนักวิชาการพูดเท็จ โดย “ชาวบ้านรอบเหมืองทองเดือดนักวิชาการ NGO มั่วนิ่ม นำรูปนาข้าวไปเผยแพร่ว่ามีสารพิษจากเหมืองทอง กังวลผลผลิตจะขายไม่ได้แห่แจ้งความ เหมืองทองอัครา รวบรวม หลักฐานพยานบุคคลและพยานเอกสารจ่อส่งทนายฟ้อง” (http://bit.ly/1PijwVh) จะเห็นได้ว่ากระบวนการใส่ร้ายป้ายสีเหมืองมีการสร้างกระแสกันอย่างต่อเนื่อง
สารพิษที่กล่าวถึงได้แก่: (http://bit.ly/1P7FBQN)
1. กรณีสารหนูนั้น ร่างกายเราสามารถขับออกได้เองภายใน 2-3 วัน ในอาหารทะเลก็มีสารหนู แม้พิจิตรจะไกลจากทะเล แต่ก็ได้รับสารหนูได้จากกุ้งแห้ง กะปิ ฯลฯ ถ้าทานมากๆ และต่อเนื่องก็จะตรวจพบได้ในปัสสาวะ
2. แมงกานีส ในร่างกายขาดไม่ได้ มีมากในผักสีเขียว พบในชาวมังสะวิรัติมาก แต่ไม่มีการตั้งเกณฑ์ว่าควรมีในเลือดเป็นปริมาณเท่าไหร่ กรมอนามัยเคยตรวจแล้วแต่ไม่เกี่ยวกับการทำเหมือง จึงถือเป็นการป้ายสีโดยไร้เหตุผล
3. ไซยาไนด์ เป็นสารที่คนกลัวเพราะเคยใช้รมฆ่ายิว แต่จริงๆ เราใช้ใกล้ตัว เช่น ในบลูยีนส์ออร์จินัล ในหน่อไม้ มันสำปะหลังก็มีสูง เด็กในอีสานทานดิบๆ ก็เคยตายมาแล้ว (วัวควายยังตายเลย) (http://bit.ly/20UAREo http://bit.ly/1Y3Ji1t) แต่ไซยาไนด์จะถูกทำลายด้วยความร้อน หรือไม่ก็ถูกขับออกภายใน 2-3 วัน ในเมล็ดแอปเปิ้ลก็มีไซยาไนด์ซึ่งแม้แต่นกก็ไม่กิน ในสาหร่าย แบคทีเรีย บุหรี่ ฯลฯ ก็มี ดังนั้นหากพบในร่างกายบ้างจึงไม่ใช่เรื่องแปลก ที่สำคัญพิษของไซยาไนด์คือความเฉียบพลัน ถ้าเป็นประเภทป่วยเรื้อรังเป็นกล้ามเนื้ออ่อนแรง (ที่มีการรณรงค์กันทั่วโลกในกรณี Ice Bucket Challenge) จึงไม่ใช่เพราะไซยาไนด์ ความเข้มข้นของไซยาไนด์ในบ่อกากแร่ของเหมืองยังน้อยกว่าในกาแฟ นกจึงยังสามารถมาดื่มน้ำ-วางไข่ได้ แสดงว่าไม่มีสารพิษ
การปิดเหมืองทองคำจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประชาชน ทำให้ประชาชนยากจนลงเฉียบพลัน ประชาชนต้องไปทำงานในท้องที่อื่น เช่น เข้ามาในกรุงเทพมหานคร สร้างปัญหาให้กับสังคมมากขึ้น ที่สำคัญ เกียรติภูมิของชาติก็จะเสียหายในฐานะที่ทำให้นักลงทุนต่างชาติที่ประกอบการโดยสุจริตเสียหาย เกียรติภูมิของรัฐบาลก็จะเสียหายเพราะไปรับฟังเรื่องเท็จของเอ็นจีโอ เป็นต้น
รัฐบาลจึงไม่ควรปิดเหมืองทองพิจิตร ไม่ควรทำลายเกียรติภูมิชาติ และหยุดทำร้ายประชาชนทางเศรษฐกิจ
คลิ๊กที่นี่เพื่อชมวิดิโอ: https://youtu.be/uNepHqu7-Ro
รวมคลิป เหมืองทองคำดีต่อชาติและประชาชน อย่าทำลาย
คุยกับฝ่ายค้านเหมือง เขาค้านผิดๆ อย่างไร www.youtube.com/watch?v=dKXGyVGCBj4
เจ้าอาวาสข้างเหมือง บอกปลอดภัยครับ www.youtube.com/watch?v=-6bvsW7DF3A
พืชผักรอบเหมือง กินได้ครับ www.youtube.com/watch?v=HyxwbbyrdRE
รอบเหมืองทอง ยืนยันไร้มลพิษครับ www.youtube.com/watch?v=lqtPpQaPrLg
น้ำบาดาลดื่มได้นะครับ www.youtube.com/watch?v=pZslXt-c4P8
เปิดโปง NGOs หาเรื่องเท็จค้านเหมืองครับ www.youtube.com/watch?v=y66H1_v6F9E
รายการเถียงให้รู้เรื่อง อย่าปิดเหมืองทองคำ www.youtube.com/watch?v=XLin878I5vs