AREA แถลง ฉบับที่ 81/2553: 27 ธันวาคม 2553
ข้อสังเกตอสังหาริมทรัพย์อินเดีย
ผู้แถลง: ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธาน
ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส
ราคาห้องชุดในมุมไบเพิ่มขึ้นถึงตารางเมตรละ 670,000 บาท แซงหน้าประเทศไทยแล้ว อย่างไรก็ตามยังมีความลักลั่นในการการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ แต่อย่างน้อยก็ทำให้สลัมหรือชุมชนแออัดเริ่มลดลงแล้ว
ข้อสังเกตในที่นี้ได้จากไปบรรยายเกี่ยวกับการประเมินค่าทรัพย์สินของ ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส ตามคำเชิญของสถาบันผู้ประเมินค่าทรัพย์สินอินเดีย (India Institute of Valuers) ในการสัมมนาประจำปี ณ เมืองวิสาขปัตนัม รัฐอันตราประเทศในช่วงวันที่ 23-27 ธันวาคม ศกนี้ สถาบันแห่งนี้เป็นสมาคมผู้ประเมินค่าทรัพย์สินที่ใหญ่ที่สุดในอินเดียโดยมีสมาชิกอยู่ถึง 19,000 คน ในการมาบรรยายครั้งนี้ ดร.โสภณ ยังได้รับเกียรติเป็นสมาชิกกิตติมศักดิ์ของสถาบันแห่งนี้อีกด้วย
อินเดียเป็นประเทศยากจนมาก แต่ในช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา อินเดียเติบโตขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก อย่างเช่น นครโกลกัตตา แต่เดิมมีสลัมอยู่ค่อนเมือง เคยมีแม่ชีเทเรซา ชาวอิตาลีซึ่งได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ มาทำงานช่วยเหลือจนกระทั่งสิ้นอายุขัย แต่สลัมก็ไม่เคยลดลง สลัมกลับมาลดลงเพราะเศรษฐกิจดีขึ้น รัฐบาลและหน่วยงานต่าง ๆ สามารถสร้างที่อยู่อาศัยทดแทนสลัมได้ ในการไปเยือนนครโกลกัตตานี้ ดร.โสภณ ได้ไปกราบคารวะหลุมศพของแม่ชีเทเรซาที่บ้านพักเดิมของท่านใจกลางนครโกลกัตตาด้วย
อสังหาริมทรัพย์อินเดียเติบโตมานับสิบปี เพิ่งมา “ช็อก” ไปพักหนึ่งในช่วงปี 2551 เมื่อเกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก ทำให้กำลังซื้อจากต่างประเทศลดลง การลงทุนด้านต่าง ๆ จากต่างประเทศก็ลดลงด้วย ทำให้เศรษฐกิจของอินเดียชะงักไปพักหนึ่ง แต่เมื่ออินเดียเน้นกำลังซื้อจากภายในประเทศที่เติบโตขึ้น โดยมีนโยบายเน้นการใช้จ่ายภายในประเทศเช่นเดียวกับประเทศในเอเชียอื่น อินเดียก็เติบโตขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
สำหรับนครมุมไบซึ่งถือเป็นศูนย์กลางทางการเงินของอินเดียนั้น แต่เดิมก็มีจำนวนสลัมไม่แพ้นครโกลกัตตา แต่ทุกวันนี้ราคาอสังหาริมทรัพย์เพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก ราคาอาคารชุดหรูหราใจกลางเมืองขายกันในราคาตารางเมตรละ 670,000 บาท เป็นรองเฉพาะที่พบในดูไบและเซี่ยงไฮ้ ห้องชุดขนาด 2 ห้องนอนในเขตที่อยู่อาศัยนอกใจกลางเมือง เรียกขายกันในราคา 6.7 ล้านบาท หรือตารางเมตรละ 150,000 บาท
ที่นครเชนไนทางด้านใต้ของอินเดีย อสังหาริมทรัพย์ในปี 2553 ก็เติบโตมากกว่าปี 2552 สำหรับราคาบ้าน จากการคาดการณ์ของผู้ประเมินค่าทรัพย์สินในพื้นที่พบว่า ราคาน่าจะเพิ่มขึ้นประมาณ 15-20% กำลังซื้อส่วนหนึ่งมาจากผู้ไปทำงานต่างประเทศ เช่น ดูไบ มีคนอินเดียไปทำงานรวมเป็นประชากรประมาณเกือบครึ่งหนึ่งของประชากรทั้งหมด นอกจากนี้ยังมีในประเทศสหรัฐอเมริกาและยุโรป คนเหล่านี้กลับมาลงทุนในประเทศเช่นกัน
สำหรับเมืองวิสาขปัตนัม รัฐอันตราประเทศ ที่จัดงานประชุมประจำปีของสถาบันผู้ประเมินค่าทร้พย์สินอินเดียนั้น เป็นเมืองใหญ่เมืองหนึ่งรองลงมาจากนครไฮเดอราบัดและเมืองวิจายาวาดา เมืองวิสาขปัตนัมนี้เป็นเมืองตากอากาศ และขณะเดียวกันก็เป็นฐานทัพเรือที่ใหญ่เป็นอันดับสองของอินเดีย รวมทั้งเป็นเมืองท่าที่มีขนาดใหญ่อันดับต้น ๆ สำหรับกิจการการท่องเที่ยวแม้มีโรงแรมเป็นจำนวนมาก แต่ส่วนมากยังไม่อยู่ในมาตรฐานที่ดี ขณะนี้มีการก่อสร้างโรงแรมขนาดใหญ่บ้าง แต่ยังไม่คึกคักนัก ค่าเช่าโรงแรมชั้นดีระดับสี่ดาว ตกเป็นเงินคืนละประมาณ 3,000 บาท แม้อินเดียจะมีที่ดินชายทะเลมาก แต่ชายหาดที่ขึ้นชื่อมีจำนวนไม่มากนัก
อย่างไรก็ตามอินเดียมีศักยภาพสูงมาก ทั้งนี้เพราะเชื่อว่าคนอินเดียที่ร่ำรวยน่าจะมีประมาณ 10% ของประชากรทั้งหมด หรือราว 120 ล้านคน หรือหากต่อให้มีเพียง 5% ก็มีจำนวนมากถึง 60 ล้านคน หรือพอ ๆ กับจำนวนประชากรไทยอยู่แล้ว ดังนั้นหากสามารถดึงดูดนักลงทุนอินเดียให้มาลงทุนในประเทศไทย ก็จะเกื้อหนุนต่อเศรษฐกิจไทยได้เป็นอย่างมาก
สำหรับการคาดหวังให้อินเดียมาลงทุนซื้ออสังหาริมทรัพย์ในไทย อาจจะไม่ได้ดังหวังนัก เพราะราคาอสังหาริมทรัพย์ไทยเพิ่มสูงขึ้นช้ากว่าในอินเดีย โดยเฉพาะในนครที่มีการเจริญเติบโตสูง เช่น มุมไบ นิวเดลี โกลกัตตา ไฮเดอราบัด เป็นต้น ความคาดหวังต่ออินเดียในการลงทุนคงเป็นการลงทุนในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว และการพัฒนาสถานที่พักรองรับนักท่องเที่ยวเป็นสำคัญ
ผู้แถลง:
ดร.โสภณ พรโชคชัย (sopon@area.co.th) ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส หรือ AREA (www.area.co.th): ในฐานะศูนย์ข้อมูล-วิจัยและประเมินค่าทรัพย์สินที่มีฐานข้อมูลภาคสนามขนาดใหญ่ที่สุด ได้รับ ISO 9001-2008 ทั้งระบบแห่งแรกในฐานะที่ปรึกษาอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย ได้รับรางวัลจรรยาบรรณดีเด่น และเป็นสมาชิก UN Global Compact อีกด้วย |