ในเช้าวันจันทร์ที่ 19 ธันวาคม 2559 ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) ได้รับเชิญไปงานวางศิลาฤกษ์ การก่อสร้างแฟลตดินแดง โดยมี พล.อ.ประวิทย์ วงศ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน และ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ร่วมในพิธีด้วย
ดร.โสภณ ได้ไปสนับสนุนแนวคิดการพัฒนาพื้นที่ดินแดงให้เป็นประโยชน์ต่อส่วนร่วม โดยเสนอให้กำหนดเวลาที่ชาวแฟลตดินแดงเดิมจะเข้าอยู่แฟลตใหม่ ไม่ใช่ให้อยู่อีกหลายชั่วชีวิต ควรป้องกันการเซ้งสิทธิเช่นที่ผ่านมา หากพบว่ามีการเซ้งสิทธิ หรือปล่อยเช่าหาผลประโยชน์ ก็ให้เสียสิทธิไปในทันที เพื่อนำห้องเช่าเหล่านั้นไปให้คนจนอื่นอยู่ หรือให้เช่าในราคาตลาด นำกำไรมาพัฒนาประเทศต่อไป ในกรณีให้ข้าราชการเข้ามาอยู่เพิ่ม ไม่สมควรให้ได้สิทธิพิเศษใด ๆ เพราะปรกติข้าราชการก็มีสวัสดิการที่ดีอยู่แล้ว จึงไม่ควรได้สิทธิพิเศษเหนือประชาชนเจ้าของประเทศ และยังเสนอให้นักพัฒนาที่ดินภาคเอกชนเข้าร่วมการพัฒนานี้โดยอาจให้ร่วมพัฒนาเป็นแปลง ๆ ไป เพื่อร่นระยะเวลาและนำเงินรายได้เข้าคลังหลวงเพื่อนำมาพัฒนาประเทศต่อไป โดยมีรายละเอียดดังนี้:
1. ที่จะสร้างแฟลตใหม่ให้ชาวแฟลตดินแดงที่เช่าอยู่ในปัจจุบันอยู่ต่อไปในราคาต่ำกว่าท้องตลาดหลายเท่าตัวนั้น รัฐบาลควรกำหนดให้แน่ชัดว่าจะให้อยู่ต่อไปอีกกี่ปี ไม่ใช่อยู่ต่อไปชั่วกัลปาวสาน พอในอีก 50 ปีข้างหน้า ตึกเก่าแล้ว ก็สร้างให้อยู่อีก อย่างนี้เป็นการเอาเปรียบสังคม สร้างภาระแก่สังคม กลายเป็นอภิสิทธิ์ชนที่อ้างความจนมาเอาสมบัติของแผ่นดินไปครอบครองอย่างน่าละอาย ในข้อนี้ ควรกำหนดให้อยู่ต่อไป 10 ปี ถ้าเกินกว่านั้นต้องเช่าตามราคาตลาดเหมือนคนทั่วไป ถ้าไม่สามารถเช่าได้ เช่น ฐานะไม่ดี อายุมากแล้วและอยู่ตัวคนเดียว ก็ควรไปอยู่สถานสงเคราะห์ที่รัฐจัดให้ เอาห้องนั้นให้คนจนอื่นได้อยู่ต่อไป เป็นต้น
2. รัฐบาลควรป้องกันการเซ้งสิทธิเช่นที่ผ่านมา โดยเซ้งกันในราคาห้องละ 400,000 บาท (ตามคำบอกเล่าของท่านรัฐมนตรีเอง) หากพบว่ามีการเซ้งสิทธิ หรือปล่อยเช่าหาผลประโยชน์ ก็ให้ผู้เช่าเดิมที่ย้ายขึ้นแฟลตใหม่นี้เสียสิทธิไปในทันที เพื่อนำห้องเช่าเหล่านั้นไปให้คนจนอื่นอยู่ หรือให้เช่าในราคาตลาด นำกำไรมาพัฒนาประเทศต่อไป
3. ค่าดูแลชุมชน ควรจัดเก็บให้คุ้มกับการดำเนินการ ที่ผ่านมา การเคหะแห่งชาติแทบเก็บไม่ได้ ทำให้การดูแลไม่ได้ดีเท่าที่ควร ซึ่งในการนี้ท่านรัฐมนตรีชี้แจงว่าจะมีการเก็บค่าดูแลชุมชนตารางเมตรละ 25 บาท ซึ่ง ดร.โสภณ ในฐานะที่ปรึกษาสมาคมสินเชื่อที่อยู่อาศัย ถือว่าสมเหตุสมผลกับอาคารพักอาศัยประเภทนี้
4. ที่ว่าการสร้างแฟลตนี้จะให้ก่อสร้างเพิ่มจำนวนหน่วยให้ข้าราชการและประชาชนทั่วไปอยู่ นับเป็นความคิดที่ดีมาก แต่ในกรณีให้ข้าราชการอยู่นั้น สมควรให้เช่าในราคาตลาดทั่วไป ไม่สมควรให้ได้สิทธิพิเศษใด ๆ เพราะปรกติข้าราชการก็มีสวัสดิการที่ดีอยู่แล้ว จึงไม่ควรได้สิทธิพิเศษเหนือประชาชนเจ้าของประเทศ
5. การพัฒนาโครงการนี้จะใช้เวลาประมาณ 8 ปี ดร.โสภณ จึงเสนอให้นักพัฒนาที่ดินภาคเอกชนเข้าร่วมการพัฒนานี้ โดยอาจให้ร่วมพัฒนาเป็นแปลง ๆ ไป เพื่อร่นระยะเวลาการพัฒนาให้สั้นเข้า และยังสามารถนำเงินรายได้เข้าคลังหลวงเพื่อนำมาพัฒนาประเทศต่อไป ข้อนี้จะทำให้รัฐไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการก่อสร้าง แถมยังได้รายได้เข้ามาอีกด้วย โดยรัฐเป็นเพียงผู้ออกค่าที่ดินเท่านั้น
นอกจากนี้ ดร.โสภณยังเสนอว่าเคหะแห่งชาติควรสร้างศูนย์การค้าให้กับชาวชุมชนดินแดง 20,292 หน่วย เพื่อหารายได้มาพัฒนาเพื่อคนจน อำนวยความสะดวกแก่ประชาชนผู้อยู่อาศัย โดย ดร.โสภณ อธิบายว่า
1. การมีชุมชนอยู่รวมกันถึง 20,292 ครัวเรือน หรือรวมจำนวนประชากรเกือบแสนคน ยิ่งหากนับจำนวนประชาชนที่อยู่ใกล้เคียงด้วยแล้ว น่าจะมีไม่ต่ำกว่า 300,000 คน มีขนาดใหญ่เท่ากับครึ่งหนึ่งของเมืองพัทยาที่รวมประชากรแฝงด้วยแล้วจะมีราว 600,000 คน จึงควรมีศูนย์การค้าเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนผู้อยู่อาศัย โดยสร้างบนที่ดินของการเคหะแห่งชาติ การมีศูนย์การค้าทำให้ประชาชนไม่ต้องเสียค่าเดินทางไปศูนย์การค้าที่อื่น หากสมมติว่าประชาชนราว 50,000 คนจาก 300,000 คนนี้เข้าศูนย์การค้าทุกวัน และหากมีศูนย์การค้าในชุมชนนี้เอง ก็จะประหยัดเงินค่าเดินทางคนละ 10 บาท ก็รวมเป็นเงิน 500,000 บาทต่อวัน หรือปีละ 182.5 ล้านบาท หากคำนวณเป็นมูลค่าปัจจุบัน ณ อัตราคิดลดที่ 10% ก็อาจเป็นเงินรวมถึง 1,825 ล้านบาทเข้าไปแล้ว นี่คือผลประโยชน์ที่ประชาชนจะเสียไปหากไม่มีศูนย์การค้าในท้องถิ่นเอง
2. การมีศูนย์การค้ายังสามารถสร้างรายได้ให้กับการเคหะแห่งชาติได้มหาศาล ที่ดินบริเวณแฟลต 1-8 น่ามีมีราคาตารางวาละประมาณ 500,000 บาท หากนำมาให้เช่าทำศูนย์การค้า 4,000 ตารางวา ก็เป็นเงิน 2,000 ล้านบาท หากนำไปให้เอกชนเช่า 30 ปี เช่นเดียวกับเซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว ก็จะได้เงินประมาณ 60% ของมูลค่าหรือ 1,200 ล้านบาท นำเงินจำนวนนี้ไปพัฒนาที่อยู่อาศัยให้แก่ผู้มีรายได้น้อยได้อีกจำนวนมาก การกีดขวางไม่ให้มีศูนย์การค้า จึงทำให้ประเทศชาติและประชาชนสูญเสียโอกาส การกล่าวอ้างลอย ๆ ว่ากลัวจะถูกโกงนั้นเป็น "ดรามา" อันเลวร้าย ทำให้ไม่มีใครกล้าทำอะไรดีๆ เพื่อชาติ
3. การไม่มีศูนย์การค้ายังเท่ากับเป็นการอำนวยประโยชน์ให้กับศูนย์การค้าโดยรอบ ให้ไม่มีคู่แข่ง เป็นการรักษาประโยชน์ให้กับเอกชนที่ทำศูนย์การค้าในบริเวณใกล้เคียง ไม่ว่าจะเป็นย่านรัชดาภิเษก พระรามที่ 9 ลาดพร้าว ประตูน้ำ หรืออื่นๆ กลายเป็น "มือที่มองไม่เห็น" ในการปกป้องผลประโยชน์ของนายทุนศูนย์การค้าที่ทำอยู่ในขณะนี้ แต่ทำร้ายและทำลายประโยชน์ของประชาชนที่จะได้เดินทางไปจับจ่ายใช้สอยได้สะดวก ไม่ต้องเสียค่าเดินทาง ไม่ต้องเสียเวลามาก
4. บางท่านถึงขนาด "คิดชั่ว" ว่าดีแล้วที่ไม่มีศูนย์การค้าในย่านนี้ จะได้ไม่ส่งเสริมให้ชาวบ้าน "เสพ" หรือ "นิยมวัตถุ" ซึ่งข้อนี้ เป็นการดูถูกภูมิปัญญาชาวบ้าน โดยเฉพาะแม่บ้านที่ต้องซื้อสินค้าให้คุ้มค่าที่สุด หรือแม้แต่เด็กและเยาวชน ก็มีวิจารณญาณของตนเอง ผู้บริหารประเทศไทยหรือองค์กรต่าง ๆ ต้องให้ประชาชนตัดสินอนาคตของตนเอง ได้ลองผิดลองถูกเอง จะมาด่วนตัดสินใจให้ในฐานะ "ผู้รู้ดี" และดูแคลนภูมิปัญญาชาวบ้านไม่ได้ เพราะนั่นมีแน่พวกเผด็จการทรราชเท่านั้นที่จะคิดแทนโดยเฉพาะไปกำกับชีวิตของคนอื่น
ทำแฟลตดินแดงให้เป็นประโยชน์ต่อสังคมส่วนรวมโดยไม่เห็นแก่กฎหมู่