กาสิโนดีต่อสังคมไทยจริงหรือ ทั้งที่เป็นอบายมุขประเภทหนึ่ง ก็คล้ายบุหรี่ ซึ่งต้องเก็บภาษีให้มากเพื่อนำมาใช้รณรงค์การลดหรือการเลิกการสูบบุหรี่ เป็นต้น เราควรมีกาสิโนถูกกฎหมายเสียที
เมื่อเร็ว ๆ นี้มีข่าวว่าตำรวจ "สนธิกำลัง ตร.ท่องเที่ยวบุกโต๊ะเถื่อน ในสนามม้านางเลิ้ง รวบผู้ต้องหา 22 ราย ยึดเงินสด 2 หมื่นบาท เผยหลังจับกุมได้ยอดเงินเข้ารัฐเพิ่มขึ้น 42 ล้านบาท จาก 38 ล้านบาท" (http://bit.ly/2i4sIS6) ถือเป็นการที่ตำรวจช่วยเจ้าของบ่อนถูกกฎหมายจับบ่อนผิดกฎหมาย อันที่จริง หากทำบ่อนหรือมีกาสิโนให้ถูกกฎหมาย ย่อมเป็นสิ่งที่ดี
ที่ผ่านมารัฐมนตรีบางท่าน หรือแม้แต่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ ก็ออกมาค้านการเปิดกาสิโน ในแง่หนึ่งผลพลอยได้จากการค้านนี้ ก็คือ การทำให้ภาพพจน์ดูดีในฐานะที่ไม่เอาอบายมุข อย่างไรก็ตามการมีกาสิโน ก็อาจเป็นสิ่งที่ดี ด้วยเหตุผลดังนี้:
1. ปัจจุบันมีบ่อนอยู่มากมายอยู่แล้ว การคงสถานะที่ผิดกฎหมาย ทำให้เกิดการส่งส่วย เงินทองที่ได้จากการประกอบธุรกิจนี้นับแสน ๆ ล้าน คงเข้ากระเป๋าผู้มีอิทธิพลโดยไม่มีใครแตะต้อง ดังนั้นในทางตรงกันข้าม ผู้ที่ออกมาคัดค้านการเปิดกาสิโนถูกกฎหมาย อาจกำลังรักษาผลประโยชน์ของนายบ่อนอยู่
2. บางคนอ้างว่าหากมีบ่อนหรือกาสิโนถูกกฎหมาย ทำให้มีคนเล่นมากขึ้น จะก่อให้เกิดอาชญากรรมเพิ่มขึ้น มีผลการศึกษาในทำนองนี้ แต่ก็มีผลการศึกษาที่แตกต่างออกไปเช่นกัน (http://goo.gl/IP8k81) แต่ที่แน่ชัดประการหนึ่งก็คือจำนวนการฆาตกรรมในประเทศที่มีกาสิโน ก็ใช่ว่าจะมากกว่าประเทศที่ไม่มีกาสิโนเช่นในประเทศไทย สิ่งที่เป็นเครื่องพิสูจน์ชัดประการหนึ่งก็คือในบรรดาบ่อนใหญ่ ๆ ในกรุงเทพมหานคร ชุมชนที่อยู่โดยรอบก็คงไม่ได้เข้าไปเล่น คนเล่นมักเป็นคนจากพื้นที่อื่น ไม่อาจกล่าวได้ว่าคนในพื้นที่ติดการพนันเมื่อมีบ่อนใหญ่อยู่ใกล้ๆ แต่อย่างใด
3. ประเด็นสำคัญคงอยู่ที่การจัดการให้เหมาะสม เช่น ในสิงคโปร์ กำหนดให้คนท้องถิ่นต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเข้าไปเล่นการพนัน มีการควบคุมจำนวนเงินในการเล่น การควบคุมรายได้และการเสียภาษีของกาสิโน การนำรายได้จากการเก็บภาษีและค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับสถานกาสิโนนี้มาใช้รณรงค์ให้คนเลิกเล่นการพนัน คล้ายกับการนำเงินภาษีจากยาสูบมารณรงค์การลดการสูบบุหรี่ ซึ่งได้ผลเป็นอย่างดี เป็นต้น
เราไม่ควรอ้างศาสนา จริงๆ ก็คงไม่มีศาสนาไหนสนับสนุนให้คนไปเล่นการพนัน แต่การพนันนั้น ก็ไม่ได้ห้ามไว้ในศีล 5 หรือกระทั่งศีล 8! สำหรับ "สาวก" ของพระพุทธเจ้าคือพระสงฆ์ ห้ามเล่นการพนันเด็ดขาด อย่างไรก็ตามการพนันก็ดี อาชีพโสเภณีก็ดี มีมาก่อนสมัยพุทธกาล พระพุทธเจ้าก็สอนสั่งให้สาวกห้ามยุ่งเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้โดยเด็ดขาด แต่ไม่ได้รังเกียจเดียดฉันท์เป็นตัวบุคคล
ไม่ว่าคนที่นับถือศาสนาไหน ก็รู้ว่าการพนันเป็นสิ่งที่ไม่ดีหากเราหลงกับมัน ในความเป็นจริงแล้ว อะไรที่ไปถึงขั้นหลงแล้ว ย่อมไม่ดีทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นรักจนหลง ศรัทธาจนหลง หรือหลงในบุญ ในนิมิตต่าง ๆ ในขณะนั่งสมาธิก็ตาม แต่สิ่งไม่ดีเหล่านี้ มักส่งผลให้กับตัวเราเองในเบื้องต้นก่อน และอาจส่งผลกระทบต่อผู้อื่นบ้าง เพราะสรรพสิ่งล้วนสัมพันธ์กันหมด เข้าทำนอง "เด็ดดอกไม้ ย่อมสะเทือนถึงดวงดาว" แต่ก็ไม่ร้ายแรงขนาดผิดศีล เพราะการผิดศีลนั้นละเมิด สร้างความเสียหายแก่คนหรือสัตว์โดยตรง เช่น ไปฆ่าคนหรือสัตว์อื่น ไปลักทรัพย์ผู้อื่น ไปประพฤติผิดในกามต่อครอบครัวอื่น ไปโกหกคนอื่น หรือการดื่มสุราเมรัย ซึ่งทำให้ขาดสติจนละเมิดหรือทำร้ายผู้อื่น เป็นต้น
ในเมื่อการพนันเป็นสิ่งที่มีอยู่จริงในสังคม การมีกาสิโนถูกกฎหมายจึงเป็นเพียงการจัดการให้เหมาะสมเท่านั้น คนเล่นก็ได้รับความคุ้มครอง ปลอดภัย ไม่ถูกโกง คนทำกิจการนี้ก็ไม่ต้องส่งส่วยให้ผู้มีอิทธิพล ภาษีที่ได้ก็เอาเข้าหลวงมาพัฒนาประเทศ ทำให้โปร่งใสก็คือเป็นการขจัดการทุจริตให้หมดไปนั่นเอง แถมยังสามารถสร้างงานได้มากมาย เป็นการกระจายรายได้อีกด้วย
การมีกาสิโนเป็นสิ่งที่ดี นำเงินมาพัฒนาประเทศได้ ดูอย่างสิงคโปร์ มาเลเซีย และประเทศเพื่อนบ้านของไทยเป็นเยี่ยงอย่าง ยิ่งห้าม ก็ยิ่งผลักดันให้ (เฉพาะ) คนที่ชอบเล่น นำเงินออกไปเล่นนอกประเทศ ทำลายเศรษฐกิจไทยเสียอีก