นี่ถ้าไม่เกิดความไม่สงบปี 2557 ป่านนี้ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวแตะ 41 ล้านคน ณ สิ้นปี 2559 เข้าไปแล้ว น่าเสียดาย
ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) นำข้อมูลการท่องเที่ยวของกรมการท่องเที่ยวมาวิเคราะห์ให้เห็นว่า การท่องเที่ยวของไทยได้รับผลกระทบอย่างหนักในปี 2557 ที่มีความไม่สงบเกิดขึ้นจนนำไปสู่รัฐประหารในปีดังกล่าว ลองมาสรุปบทเรียนสำหรับประเทศไทย
ในปี 2554-2556 นักท่องเที่ยวเข้ามาเป็นอันมาก แม้เริ่มมีเค้าความไม่สงบเกิดขึ้นในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2556 ก็ยังมีนักท่องเที่ยวเข้ามามากเพิ่มจากปี 2555 ถึง 19% แต่น่าเสียดายที่หลังจากเกิดความไม่สงบจนนำไปสู่รัฐประหาร ทำให้นักท่องเที่ยวหดตัวลงจาก 26.5 ล้านคนเหลือ 24.8 ล้านคน หรือลดลงไป 7% ถ้าไม่มีเหตุการณ์แบบนี้ และให้นักท่องเที่ยวยังเพิ่มขึ้นระหว่าง 16%-19% ก็คาดว่านักท่องเที่ยวปี 2557 น่าจะเป็น 31.2 ล้านคน เท่ากับหายไป 6.4 ล้านคน
ในปี 2558 และ 2559 นักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 20% และ 9% ตามลำดับ ถ้านำอัตราเพิ่มขึ้นนี้มาใช้สำหรับตัวเลขประมาณการของปี 2557 ที่ 31.2 ล้านคน ก็จะพบว่าในปี 2558 น่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามา 37.5 ล้านคน และปี 2559 น่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามา 41 ล้านคน โดยรวมทั้งหมดแล้ว จึงเท่ากับทำให้นักท่องเที่ยวหายไปจากศักยภาพที่น่าเป็นไปได้ถึง 22.4 ล้านคน
ที่น่าห่วงใยก็คือจากตัวเลขของทางราชการระบุว่านักท่องเที่ยวคนหนึ่ง ๆ ใช้เงินประมาณ 40,000 บาท ก็เท่ากับว่าเราสูญเสียเม็ดเงินไป 917,739 ล้านบาท ถ้าไม่สูญเสียเช่นนี้ ประชาชนคนไทยก็คงอยู่ดีกินดีกว่านี้เป็นแน่แท้ นี่คือผลของสามัคคีเภทในหมู่คนไทย จนนำไปสู่ความไม่สงบและรัฐประหารในที่สุด นี่จึงเป็นบทเรียนสำคัญสำหรับประเทศชาติ
ขืนไทยยังไม่ปรองดอง มุ่งเข่นฆ่ากันเอง ประเทศชาติจะเศร้าหมอง อริราชศัตรูจะหัวเราะเยาะเราได้