ในวันจันทร์ที่ 20 มีนาคม 2560 ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) ในฐานะประธานเจ้าหน้าที่บริหารมูลนิธิประเมินค่าทรัพย์สินแห่งประเทศไทย (www.thaiappraisal.org) ได้จัดเสวนาวิชาการ เรื่อง "นโยบายที่อยู่อาศัย อสังหาริมทรัพย์และการพัฒนาเมืองของไทย" และได้จัดทำเอกสารประกอบการประชุมไว้ตามท้ายนี้
โปรดดู link ตามนี้: http://www.thaiappraisal.org/thai/monthly/monthly.php
โดยสรุปแล้ว นโยบายใหม่ที่ถือเป็นการปฏิวัติเมือง ควรเป็นดังนี้:
1. รื้อชุมชนแออัด เพราะการที่มีชุมชนแออัดอยู่นี้ ทำให้ราคาที่ดินจำกัด สภาพแวดล้อมไม่เหมาะสม แต่หากสามารถนำมาพัฒนาในเชิงพาณิชย์ได้ ก็จะทำให้มูลค่าที่ดินพุ่งขึ้นทันที สามารถนำเงินมาพัฒนาที่ดินส่วนหนึ่งของพื้นที่ชุมชนแออัดเพื่อให้ประชาชนอยู่อาศัยในแนวดิ่ง และเหลือที่ดินมาใช้เพื่อการพัฒนา สามารถเพิ่มจำนวนผู้มีรายได้น้อยได้มากขึ้นด้วย แต่ทั้งนี้ต้องควบคุมการเซ้งสิทธิ์โดยเคร่งครัด
2. การนำส่วนราชการเข้าเมือง เช่น พื้นที่ราชพัสดุที่เป็นเขตทหารที่อาจไม่ได้มีความจำเป็นต้องใช้แล้วในขณะนี้เพราะสามารถเคลื่อนกำลังได้รวดเร็ว แถวเกียกกาย สนามเป้า ฯลฯ ควรนำมาพัฒนาเป็นศูนย์ราชการใหม่ ควบศูนย์ธุรกิจใหม่ ให้การติดต่อราชการรวมศูนย์ และกระจายออกด้วยระบบขนส่งมวลชนที่ดี ไม่ใช่กระจายศูนย์ราชการออกไหหลาย ๆ ศูนย์ ซึ่งทำให้การเดินทางไปติดต่อราชการของประชาชนยากลำบาก
3. นำ "หัวลำโพง" + "หมอชิต" มาอยู่ที่เดียวกัน เพื่อความสะดวกในการเดินทางและต่อรถโดยสารของประชาชนที่เข้ามาติดต่อในเมือง โดย "หัวลำโพง" ใหม่อาจอยู่ที่ "บางซื่อ-จตุจักร" แต่ "บขส." ก็ควรอยู่ที่เดียวกันด้วย ส่วนบริเวณ "หัวลำโพง" เดิม ควรนำมาพัฒนาในเชิงพาณิชย์ เป็นศูนย์ธุรกิจหรือศูนย์ราชการ ไม่ใช่แค่นำมาทำพิพิธภัณฑ์ที่ไร้ชีวิต
4. ทำพื้นที่ใจกลางเมืองให้ก่อสร้างหนาแน่น โดยเพิ่ม FAR เป็น 20:1 และเก็บภาษีส่วนที่สร้างได้เพิ่มขึ้นเพือนำมาพัฒนาประเทศ
5. สร้างเมืองใหม่ หรือ Bed City ที่เชื่อมต่อด้วยระบบรถไฟฟ้าและทางด่วนในทิศทางต่าง ๆ
6. ห้ามการจัดสรรที่ดินนอกพื้นที่อื่น เพื่อระงับการเติบโตอย่างไรระเบียบของกรุงเทพมหานคร
หากดำเนินการตามนี้จะทำให้เมืองมีการพัฒนาอย่างยั่งยืนนั่นเอง