เมื่อวันจันทร์ที่ 17 เมษายน 2560 ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย (www.area.co.th) ไปงานเผาศพครูฉลบชลัยย์ พลางกูร ที่วัดมหาธาตุบางเขน เห็นครูทำโรงเรียนดรุโณทยาน แถวถนนพญาไท แล้วย้ายไปคลองประปาแต่ต่อมาก็ปิดไปเสียแล้ว ทำให้นึกถึงโรงเรียนบรรณวิทย์ที่ ม.ร.ว.รุจีสมร สุขสวัสดิ์ ทำที่ซอยสุขุมวิท 12 และหากท่านเสียชีวิตในอนาคต ก็คงอาจปิดเช่นกัน จะทำอย่างไรให้ยั่งยืน ดร.โสภณมีตัวอย่างให้ดูที่โรงเรียนพร้อมพรรณวิทยาที่ ดร.โสภณเคยเรียน
โรงเรียนดรุณโทยานของครูฉลบชลัยย์ตั้งอยู่เยื้องโรงแรมเอเซีย ซึ่งต่อมาพัฒนาเป็นฮอลลีวูดสตรีท และกลายเป็นอาคารชุดพักอาศัยไปในที่สุด โรงเรียนต้องย้ายไปอยู่คลองประปา นี่ถ้ามีการลงทุนซื้ออสังหาริมทรัพย์ไว้แต่แรกซึ่งขณะเมื่อสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 มีราคาถูก ก็คงไม่ต้องย้าย หรือถ้าย้าย ก็คงยังเหลือทุนในการพัฒนาการศึกษาต่อได้อีกมาก เราสามารถทำให้โรงเรียนเอกชนที่อุทิศเพื่อสังคมให้มีความยั่งยืนได้
อีกตัวอย่างหนึ่งคือ ม.ร.ว.รุจีสมร สุขสวัสดิ์ ท่านผู้อำนวยการและผู้จัดการโรงเรียนวรรณวิทย์ (http://bit.ly/2jeYNn0) ท่านเคยบอกว่าที่ดินแปลงนี้มีขนาด 3 ไร่ มีผู้มาขอซื้อเป็นเงิน 1,000 ล้านบาท ท่านก็ไม่ขาย (http://bit.ly/2j0SWE7) ตั้งใจจะทำเป็นโรงเรียนเช่นนี้ตลอดไป ท่านบอกว่า ถ้าท่านไม่อยู่แล้ว ก็ยังมีคนดำเนินการต่อไป ดร.โสภณในฐานะผู้ประเมินค่าทรัพย์สินประมาณการในเบื้องต้นว่าราคาที่ดินแปลงนี้น่าจะมีราคาตารางวาละ 1.2 ล้านบาท หรือเป็นเงินรวม 1,440 ล้านบาท ตามคำบอกเล่าของ ม.ร.ว.รุจีสมร ที่ดินแปลงนี้ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของหลานแล้ว (http://bit.ly/2i3Wm75)
ท่านให้เหตุผลที่ไม่ขายเพราะเด็กๆ จะไม่มีที่เรียนหนังสือ แต่การที่เด็กนักเรียนลดลงจำนวนนับพันๆ คนเหลือเพียง 500 คนนั้น แสดงว่า ความต้องการสถานศึกษาน้อยลง ในบริเวณที่ตั้งของโรงเรียนก็เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยราคาแพงของผู้มีรายได้สูงที่คงไม่ส่งบุตรหลานมาเรียนที่นี่ และในบริเวณใกล้เคียงก็ยังมีโรงเรียนเอกชนในเชิงอุดมการณ์แห่งอื่นๆ ที่คิดค่าเล่าเรียนถูกๆ เช่นเดียวกับโรงเรียนวรรณวิทย์ หรือหลายแห่งก็ไม่เสียเลยค่าเทอมเลยเพราะเป็นโรงเรียนของรัฐบาล และอยู่ใกล้ย่านชุมชนของเขาเอง โดยไม่ต้องเดินทางมาถึงโรงเรียนวรรณวิทย์
อย่างไรก็ตามเพื่อตอบสนองปณิธานของท่านครู ม.ร.ว.รุจีสมร โรงเรียนก็อาจคงสภาพเช่นนี้ไว้จนตลอดชั่วอายุของท่าน ซึ่งคงนานพอสมควรเพราะท่านก็ยังมีสุขภาพแข็งแรงดี ดร.โสภณอาจ 'ไปก่อน' ก็ได้!?! แต่ในอนาคตแม้ทางราชการจะช่วยซ่อมแซมโรงเรียนให้ หรือกระทั่งสร้างใหม่ ก็ถือว่าใช้เงินไม่คุ้มค่า และยังมีทรัพยากรจัดการศึกษาไม่เพียงพอ และหากทางโรงเรียนต้องการส่งเสริมการศึกษาแก่สังคมอย่างมีนัยสำคัญ ก็ควรดำเนินการคือการพัฒนาที่ดินโรงเรียนแห่งนี้ใหม่
ทางเลือกหนึ่งก็คือการก่อสร้างอาคารใหม่ โดย
1. ที่ดินแปลงนี้มีขนาด 3 ไร่ (ตามข่าว) หรือ 4,800 ตารางเมตร
2. หากพื้นที่ก่อสร้างคลุมดิน (Building Coverage Ratio) เป็น 75% หรือ 3,600 ตารางเมตร และในบริเวณนั้นสามารถก่อสร้างได้ไม่เกิน 23 เมตร หรือาคาร 8 ชั้น ก็จะสามารถสร้างอาคารได้ 28,800 ตารางเมตร
3. หากมีค่าก่อสร้างตารางเมตรละ 20,000 บาท (http://bit.ly/1NYCpdF) ค่าก่อสร้างก็รวมเป็นเงิน 576 ล้านบาท
4. ในการแบ่งพื้นที่ พื้นที่ชั้น 7-8 สามารถใช้เพื่อการศึกษา ดาดฟ้าก็ใช้ดั่งลานกิจกรรมของนักเรียน พื้นที่ส่วนที่เหลือ ชั้น 3-6 ก็ปล่อยเช่าชดเชยค่าก่อสร้างอาคารและยังมีรายได้เข้ามาบำรุงการศึกษาหรือไปบำเพ็ญประโยชน์ในพื้นที่อื่น ส่วนชั้น 1-2 อาจเป็นที่จอดรถหรือบริการอื่น
หากดำเนินการตามนี้ ก็จะสามารถบริหารทางการเงินให้กิจการโรงเรียนดำรงต่อไปอย่างยั่งยืน โรงเรียนก็จะมีอิสรภาพทางการเงิน และหากในอนาคตจำนวนนักเรียนยังลดลงต่อเนื่องจนไม่มีนักเรียนเพียงพอแล้ว ก็อาจเปลี่ยนเป็นการให้เช่าอาคาร เพื่อนำรายได้ไปจัดการศึกษาในแหล่งชุมชนยากจนหรือในชนบทในนามมูลนิธิของท่าน ม.ร.ว.รุจีสมร เพื่อเชิดชูเกียรติคุณของท่านด้วยทรัพยากรที่ท่านรักษาไว้นั่นเอง ทำแบบนี้จะทำให้ท่าน ม.ร.ว.รุจีสมร เป็นอมตะในการสนับสนุนการศึกษาไทยแก่เด็กๆ ผู้ยากไร้
ยังมีโรงเรียนแห่งหนึ่งชื่อโรงเรียน (สตรี) พร้อมพรรณวิทยา ดร.โสภณเรียนตั้งแต่ชั้นเตรียมประถมจนจบประถมศึกษาปีที่ 7 (ปี 2514) เจ้าของโรงเรียนคือครูพร้อมพรรณ ศิริพัฒน์ ซึ่งปัจจุบันมีอายุ 90 ปี ในสมัย ดร.โสภณเรียนมี "พร้อมพรรณ" อยู่ 2 ฝั่งถนนดินแดง มีฝั่งชายและฝั่งหญิง แต่ปัจจุบันไม่มีฝั่งชายแล้วเพราะโรงเรียนเอกชนคงสู้ไม่ไหว เหลือแต่ฝั่งหญิง ซึ่งท่านทำได้อย่างดี ปรับตัวมีหลักสูตร 2 ภาษา รักษาบุคลากรคุณภาพไว้ ครูก็มีความรอบรู้ในการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ จึงสามารถยืนหยัดทำโรงเรียนได้อย่างไม่ย่อท้อ และการที่มีความสุขกับการทำโรงเรียนนี้เอง จึงเป็นเสมือนโอสถที่ทำให้ครูพร้อมพรรณ ครูรุจีสมร และครูฉลบชลัยย์มีอายุคราว 100 ปีได้
จะทำอะไรให้ยั่งยืน จึงต้องมีความรู้ด้านอสังหาริมทรัพย์นั่นเอง