ในเดือนพฤษภาคม ภาพรวมของอสังหาริมทรัพย์ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลมีการเปิดตัวโครงการใหม่ 23 โครงการเท่ากับเดือนเมษายนที่ผ่านมา มีจำนวนหน่วยขายรวม 7,063 หน่วย และมีมูลค่าการพัฒนาโครงการรวม 25,591 ล้านบาท
ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) ซึ่งเป็นผู้สำรวจตลาดอสังหาริมทรัพย์มาตั้งแต่ปี 2537 ต่อเนื่องทุกเดือนพบว่า สินค้าที่เปิดตัวเป็น ณ ระดับราคา 1-2 ล้านบาท มีจำนวน 1,121 หน่วย (16%) มีมูลค่าโครงการ 1,940 ล้านบาท (8%) ระดับราคา 2-3 ล้านบาท มีจำนวน 2,282 หน่วย (32%) มีมูลค่าโครงการ 5,635 ล้านบาท (22%) ที่ระดับราคา 3-5 ล้านบาท จำนวน 3,011 หน่วย (43%) มีมูลค่าโครงการ 12,096 ล้านบาท (47%) ส่วนที่มีระดับราคาเกิน 5 ล้านบาทขึ้นไป จำนวน 647 หน่วย (8%) และมีมูลค่าโครงการ 5,920 ล้านบาท (23%) ของมูลค่าอสังหาริมทรัพย์ที่เปิดขายใหม่ทั้งหมดในเดือนนี้
เมื่อพิจารณาอัตราการขายได้ ดร.โสภณ แจงว่าว่าในเดือนแรกของการเปิดขายมีอัตราการขายได้เฉลี่ยที่ 36% ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดือนที่ผ่านมาที่มีอัตราการขายได้ที่ 15% ต่อเดือน โดยประเภทอสังหาริมทรัพย์ที่มีอัตราการได้สูงสุด และมีจำนวนหน่วยขายเป็นส่วนใหญ่ของตลาด อันดับ 1 คือ อาคารชุดราคา 3-5 ล้านบาท จำนวน 2,448 หน่วย ขายได้แล้ว 1,522 หน่วย (62%) รองลงคือ อาคารชุดระดับราคา 2-3 ล้านบาท จำนวน 1,304 หน่วย ขายได้แล้ว 651 หน่วย (50%) และอันดับ 3 คืออาคารชุดระดับราคา 5-10 ล้านบาท จำนวน 349 หน่วย ขายได้แล้ว 139 หน่วย (40%)
เมื่อพิจารณาถึงผู้ประกอบการที่เปิดตัวโครงการใหม่ในเดือนนี้ ดร.โสภณ เปิดเผยว่าว่าเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ (มหาชน) จำนวน 8 บริษัท คือ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) บริษัท เจ้าพระยามหานคร จำกัด (มหาชน) บริษัท ธนาสิริกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) บริษัท รีซี่เพลซ 2002 (มหาชน) บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) บริษัท แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) และ บริษัทอารียา พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) นอกจากนี้ก็ยังมีบริษัททั่วไปอีกจำนวนหนึ่ง ดร.โสภณให้ข้อสังเกตว่าหากเปรียบเทียบการพัฒนาระหว่างบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ บริษัทในเครือฟากหนึ่ง และบริษัททั่วไปอีกฟากหนึ่งพบว่าบริษัทเอกชนเปิดตัวเพียง 12% ของทั้งหมดเท่านั้น
ในด้านทำเลที่ตั้ง ดร.โสภณ ชี้ว่าในเดือนนี้มีโครงการที่เปิดตัวใหม่และตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพชั้นในจำนวน 5 โครงการ ตั้งอยู่ในเขตเมืองชั้นกลางและส่วนต่อขยายของเมือง (intermediate area) จำนวน 15 โครงการ เช่น ถนนเพชรเกษม ถนนราชพฤกษ์ ถนนบางกรวย-ไทรน้อย ถนนศรีนครินทร์ ถนนอ่อนนุช-ลาดกระบัง และถนนกาญจนาภิเษก ถนนวัดลาดปลาดุก เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีอีก 3 โครงการที่อยู่ในพื้นที่รอบนอกซึ่งเป็นย่านชุมชนที่อยู่อาศัยหรือแหล่งงานในย่านนั้น เช่น รังสิต-นครนายก เป็นต้น
หากพิจารณาภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ที่เปิดใหม่เดือนพฤษภาคมของปีนี้กับเดือนพฤษภาคมปี 2559 จะพบว่าในปีนี้มีจำนวนโครงการเปิดใหม่ลดลง 14 โครงการ (-38%) มีจำนวนหน่วยขายลด 334 หน่วย (-5%) แต่มีมูลค่าเพิ่มขึ้น 2,745 ล้านบาท (12%) มีราคาขายเฉลี่ยต่อหน่วยเพิ่มขึ้นด้วยจาก 3.089 ล้านบาท เป็น 3.623 ล้านบาท (17%) ในรอบ 5 เดือนแรกที่ผ่านมาการเปิดตัวก็ถดถอยลงกว่าปีก่อนหน้านี้ ดร.โสภณ จึงขอเตือนให้ผู้ประกอบการทำการศึกษาวิจัยให้ดีก่อนการพัฒนาโครงการเพื่อความมั่นใจในความสำเร็จ