เดวิด เบคแฮม ได้รับการว่าจ้างมาส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศไทย เขาให้สัมภาษณ์ว่าอยากมีบ้านในประเทศไทย เขาปฏิเสธว่าไม่เคยมีบ้านในไทยมาก่อน  เขาพูดจริงหรือไม่

            เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2560 มีคลิปเผยแพร่การสัมภาษณ์นายเดวิด เบคแฮม โดย "วูดดี้" โดยในนาทีที่ 2.19 "วูดดี้" ถามว่าเบคแฮมมีบ้านอยู่ในไทยหรือไม่ เขาบอกไม่มี แต่อยากจะมีเหมือนกัน (http://bit.ly/2snRdLh) ในวันเดียวกันสำนักข่าว TNN ก็มีรายงานในทำนองเดียวกันว่า "มีข่าว ""เบ๊คแฮม" ชื่นชม อยากมีบ้านอยู่ที่ไทย" (http://bit.ly/2tGRaOk) แต่ที่ผ่านมา ก็มีข่าวอยู่เสมอว่า "เบคแฮม" มีบ้านอยู่ในไทยโดยเฉพาะที่เกาะสมุย

            แม้ "เบคแฮม" เจ้าตัวจะปฏิเสธว่ามีบ้านพักอยู่ที่เกาะสมุย แต่เมื่อปี 2550 ก็มีข่าวว่า "“นายกสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาะสมุย” ยัน “เดวิด เบ็คแฮม” นักฟุตบอลชื่อดังชาวอังกฤษพร้อมครอบครัว. . .เข้าพักในคฤหาสน์หรูส่วนตัวราคา 200 ล้านบาท บนเนื้อที่กว่า 7 ไร่ ตั้งอยู่บนเนินเขาแหลมหอยบ้านใต้ ต.แม่น้ำ อ.เกาะสมุย เป็นจุดที่มองเห็นวิวทะเลสวยงามที่สุดของเกาะ" (ผู้จัดการรายวัน 1 กรกฎาคม 2550 http://bit.ly/2tK6jyp)

            นอกจากนี้ยังมีข่าว "ดารา นักฟุตบอล เดวิส เบ็คแฮ่ม สร้างบ้าน 300 ล้าน ที่สมุย" โดยในเนื้อข่าวระบุว่า "เขาได้ซุ่มเงียบซื้ออสังหาริมทรัพย์ ที่ดินแปลงงาม ย่านบ้านใต้ ขนาด 20 ไร่ ดูโลเกชั่นแล้วเหมือนซื้อเขายกลูกติดริมทะเล และยังมีชายหาดส่วนตัวที่สวยงามมาก ซึ่งที่ดินแปลงนี้ เขากว้านซื้อมาตั้งแต่สมัยที่เขาเป็นนักเตะ "สโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด". . .ที่ดินแปลงนี้มีนายหน้า เป็นชาวต่างชาติเป็นคนขายให้ โดยราคาประมาณการอยู่ที่ 300 ล้าน ซึ่งนักค้าที่ดินสมุยทราบกันดี ซึ่งเขาฟันกําไรไปเบาะๆ 100 กว่าล้าน (กระปุก 24 มิถุนายน 2551: http://bit.ly/2tErkuu)

            ในข่าวภาคภาษาอังกฤษก็มีโดยระบุว่าซื้อในปี 2550 ในราคา 4.5 ล้านยูโรในขณะนั้น ดังนี้: "David Beckham and Victoria Beckham Wednesday 4th February 2009 David and Victoria Beckham's house (right) on the island Koh Samui. The couple bought the house in 2007 for about 4.5m Euro. Reconstruction was finished mid 2008. Ban Tai, Thailand" (http://bit.ly/2unPeYQ) และโปรดดูภาพวีดีทัศน์ได้ที่นี่: http://bit.ly/2uHM69A

            กรณีนี้ควรได้รับการพิสูจน์ทราบให้ชัดเจน  และแม้ "เบคแฮม" จะมาซื้อบ้านในไทย ก็อาจซื้อในนามบริษัท หรือในลักษณะเป็น Nominee ก็เป็นได้ นี่เป็นสิ่งหนึ่งที่ชี้ให้เห็นถึงความหละหลวมของประเทศไทย ซึ่งถ้าเป็นในมาเลเซีย สิงคโปร์ และประเทศที่เจริญๆ อื่น ๆ คงไม่เกิดขึ้น  แต่ในประเทศไทย อาจมีช่องโหว่ให้ข้าราชการเฉพาะที่ทุจริต ทำการ "ขายชาติ" ได้โดยง่าย

            ยิ่งถ้าไม่มีการเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ยกเว้นไปเสียแทบทั้งหมด หรือไม่มีการเก็บภาษีมรดกแบบจริงจัง (แต่เป็นแบบไทยๆ ที่ตั้งแต่ 100 ล้านบาทขึ้นไป และสามารถผ่องถ่ายให้ลูกหลานก่อนตายได้โดยไม่ต้องเสี่ยภาษี) ก็เท่ากับเรากำลังยกแผ่นดินให้ต่างชาติฟรี ๆ เพราะคนรวยมาก ๆ ในประเทศไทยที่มีอิทธิพลทางการเมือง ทำการเล่นกล ทำให้พระราชบัญญัติเกี่ยวกับภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง และพระราชบัญญัติเกี่ยวกับมรดกกลายเป็นกฎหมาย "เสือกระดาษ" ที่ไม่อาจเก็บภาษีคนรวย ๆ ได้

            เรายินดีขายชาติให้ต่างชาติเพียงเพื่อคนรวยจัด ๆ จะได้เลี่ยงภาษี

ที่มา: https://i.ytimg.com/vi/9ozW7U6Qnaw/maxresdefault.jpg

ที่มา: http://www.contactmusic.com/pics/lb/beckham_koh_samui_050209/david_2275158.jpg

ที่มา: http://www.contactmusic.com/pics/lb/beckham_koh_samui_050209/david_2275159.jpg