ในภาวะการขายที่ค่อนข้าง "อืด" ก็ยังมีห้องชุดที่ขายดีมากอยู่จำนวนหน่วย ห้องชุดเหล่านี้เป็นสินค้าที่น่าจะดีสำหรับการลงทุน
ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) เปิดเผยว่าจากผลการสำรวจโครงการประมาณ 1,900 แห่ง พบว่า สินค้าห้องชุดที่ขายดีที่สุด มีดังนี้:
อันดับ | ทำเล | ระดับราคา | เหลือ | % ขายได้ /เดือน | ระยะเวลา จะหมด (เดือน) |
1 | F2 รัชโยธิน | 3.001-5.000 | 328 | 46% | 0.37 |
2 | N4 บางบัวทอง | 3.001-5.000 | 0 | 33% | 0 |
3 | I1 พหลโยธินช่วงต้น | 10.001-20.000 | 310 | 30% | 1.6 |
4 | F2 รัชโยธิน | 5.001-10.000 | 134 | 28% | 1.66 |
5 | I2 ปทุมวัน | 2.001-3.000 | 0 | 26% | 0 |
6 | F6 เทพลีลา มหาดไทย | 3.001-5.000 | 422 | 26% | 2.43 |
7 | H6 ปากน้ำ | 3.001-5.000 | 604 | 23% | 3.36 |
8 | H1 บางนา-ตราด กม.1-10 | 1.001-2.000 | 307 | 23% | 0.37 |
9 | F1 วิภาวดี-รัชดา | 2.001-3.000 | 437 | 19% | 2.45 |
10 | F6 เทพลีลา มหาดไทย | 2.001-3.000 | 462 | 18% | 3.02 |
11 | I1 พหลโยธินช่วงต้น | 5.001-10.000 | 1145 | 18% | 2.58 |
12 | F2 รัชโยธิน | 2.001-3.000 | 165 | 16% | 0.74 |
13 | I2 ปทุมวัน | 5.001-10.000 | 831 | 15% | 1.34 |
14 | F2 รัชโยธิน | 1.001-2.000 | 493 | 15% | 1.42 |
15 | D3 บางบัว | 2.001-3.000 | 46 | 15% | 2.26 |
16 | I2 ปทุมวัน | 3.001-5.000 | 22 | 14% | 0.29 |
17 | D2 สะพานใหม่ | 3.001-5.000 | 168 | 14% | 4.44 |
18 | I3 สุขุมวิท พระรามที่ 4 | 10.001-20.000 | 691 | 13% | 2.72 |
อันดับที่ 1 ทำเล F2 รัชโยธิน ระดับราคา 3.001-5.000 ล้านบาท ราคาเฉลี่ย 4.041 ล้านบาท มีอยู่ 1911 หน่วย ขายได้แล้ว 1583 หน่วย เหลืออยู่ 328 หน่วย รวมมูลค่าการพัฒนาเป็นเงิน 7,723 ล้านบาท ขายได้เดือนละ 46% คาดว่าจะขายหน่วยที่เหลือหมดในเวลา 0.37 เดือน สินค้านี้แม้มีอุปทานมาก แต่ก็ขายได้ดีมาก
อันดับที่ 2 ทำเล N4 บางบัวทอง ระดับราคา 3.001-5.000 ล้านบาท ราคาเฉลี่ย 3.582 ล้านบาท มีอยู่ 154 หน่วย ขายได้แล้ว 154 หน่วย เหลืออยู่ 0 หน่วย รวมมูลค่าการพัฒนาเป็นเงิน 552 ล้านบาท ขายได้เดือนละ 33% คาดว่าจะขายหน่วยที่เหลือหมดในเวลา 0 เดือน ทั้งนี้เป็นหน่วยขายที่มีจำนวนน้อย แต่ในพื้นที่นี้ สินค้าส่วนใหญ่ขายช้า
อันดับที่ 3 ทำเล I1 พหลโยธินช่วงต้น ระดับราคา 10.001-20.000 ล้านบาท ราคาเฉลี่ย 12.310 ล้านบาท มีอยู่ 655 หน่วย ขายได้แล้ว 345 หน่วย เหลืออยู่ 310 หน่วย รวมมูลค่าการพัฒนาเป็นเงิน 8,063 ล้านบาท ขายได้เดือนละ 30% คาดว่าจะขายหน่วยที่เหลือหมดในเวลา 1.60 เดือน กรณีนี้จะสามารถขายได้หมดในเวลาอันสั้นมาก
อันดับที่ 4 ทำเล F2 รัชโยธิน ระดับราคา 5.001-10.000 ล้านบาท ราคาเฉลี่ย 6.373 ล้านบาท มีอยู่ 291 หน่วย ขายได้แล้ว 157 หน่วย เหลืออยู่ 134 หน่วย รวมมูลค่าการพัฒนาเป็นเงิน 1,855 ล้านบาท ขายได้เดือนละ 28% คาดว่าจะขายหน่วยที่เหลือหมดในเวลา 1.66 เดือน กรณีนี้จะสามารถขายได้หมดในเวลาอันสั้นมาก
อันดับที่ 5 ทำเล I2 ปทุมวัน ระดับราคา 2.001-3.000 ล้านบาท ราคาเฉลี่ย 2.598 ล้านบาท มีอยู่ 104 หน่วย ขายได้แล้ว 104 หน่วย เหลืออยู่ 0 หน่วย รวมมูลค่าการพัฒนาเป็นเงิน 270 ล้านบาท ขายได้เดือนละ 26% คาดว่าจะขายหน่วยที่เหลือหมดในเวลา 0 เดือน ขณะนี้ไม่มีสินค้าเหลือขายแล้ว
อันดับที่ 6 ทำเล F6 เทพลีลา มหาดไทย ระดับราคา 3.001-5.000 ล้านบาท ราคาเฉลี่ย 3.521 ล้านบาท มีอยู่ 668 หน่วย ขายได้แล้ว 246 หน่วย เหลืออยู่ 422 หน่วย รวมมูลค่าการพัฒนาเป็นเงิน 2,352 ล้านบาท ขายได้เดือนละ 26% คาดว่าจะขายหน่วยที่เหลือหมดในเวลา 2.43 เดือน
อันดับที่ 7 ทำเล H6 ปากน้ำ ระดับราคา 3.001-5.000 ล้านบาท ราคาเฉลี่ย 4.240 ล้านบาท มีอยู่ 784 หน่วย ขายได้แล้ว 180 หน่วย เหลืออยู่ 604 หน่วย รวมมูลค่าการพัฒนาเป็นเงิน 3,324 ล้านบาท ขายได้เดือนละ 23% คาดว่าจะขายหน่วยที่เหลือหมดในเวลา 3.36 เดือน
อันดับที่ 8 ทำเล H1 บางนา-ตราด กม.1-10 ระดับราคา 1.001-2.000 ล้านบาท ราคาเฉลี่ย 1.673 ล้านบาท มีอยู่ 3695 หน่วย ขายได้แล้ว 3388 หน่วย เหลืออยู่ 307 หน่วย รวมมูลค่าการพัฒนาเป็นเงิน 6,181 ล้านบาท ขายได้เดือนละ 23% คาดว่าจะขายหน่วยที่เหลือหมดในเวลา 0.37 เดือน สินค้านี้แม้มีอุปทานมาก แต่ก็ขายได้ดีมาก
อันดับที่ 9 ทำเล F1 วิภาวดี-รัชดา ระดับราคา 2.001-3.000 ล้านบาท ราคาเฉลี่ย 2.628 ล้านบาท มีอยู่ 923 หน่วย ขายได้แล้ว 486 หน่วย เหลืออยู่ 437 หน่วย รวมมูลค่าการพัฒนาเป็นเงิน 2,426 ล้านบาท ขายได้เดือนละ 19% คาดว่าจะขายหน่วยที่เหลือหมดในเวลา 2.45 เดือน
อันดับที่ 10 ทำเล F6 เทพลีลา มหาดไทย ระดับราคา 2.001-3.000 ล้านบาท ราคาเฉลี่ย 2.440 ล้านบาท มีอยู่ 835 หน่วย ขายได้แล้ว 373 หน่วย เหลืออยู่ 462 หน่วย รวมมูลค่าการพัฒนาเป็นเงิน 2,037 ล้านบาท ขายได้เดือนละ 18% คาดว่าจะขายหน่วยที่เหลือหมดในเวลา 3.02 เดือน
อันดับที่ 11 ทำเล I1 พหลโยธินช่วงต้น ระดับราคา 5.001-10.000 ล้านบาท ราคาเฉลี่ย 6.289 ล้านบาท มีอยู่ 2455 หน่วย ขายได้แล้ว 1310 หน่วย เหลืออยู่ 1145 หน่วย รวมมูลค่าการพัฒนาเป็นเงิน 15,438 ล้านบาท ขายได้เดือนละ 18% คาดว่าจะขายหน่วยที่เหลือหมดในเวลา 2.58 เดือน สินค้านี้แม้มีอุปทานมาก แต่ก็ขายได้ดีมาก
อันดับที่ 12 ทำเล F2 รัชโยธิน ระดับราคา 2.001-3.000 ล้านบาท ราคาเฉลี่ย 2.518 ล้านบาท มีอยู่ 1389 หน่วย ขายได้แล้ว 1224 หน่วย เหลืออยู่ 165 หน่วย รวมมูลค่าการพัฒนาเป็นเงิน 3,497 ล้านบาท ขายได้เดือนละ 16% คาดว่าจะขายหน่วยที่เหลือหมดในเวลา 0.74 เดือน สินค้านี้แม้มีอุปทานมาก แต่ก็ขายได้ดีมาก
อันดับที่ 13 ทำเล I2 ปทุมวัน ระดับราคา 5.001-10.000 ล้านบาท ราคาเฉลี่ย 7.395 ล้านบาท มีอยู่ 4099 หน่วย ขายได้แล้ว 3268 หน่วย เหลืออยู่ 831 หน่วย รวมมูลค่าการพัฒนาเป็นเงิน 30,314 ล้านบาท ขายได้เดือนละ 15% คาดว่าจะขายหน่วยที่เหลือหมดในเวลา 1.34 เดือน สินค้านี้แม้มีอุปทานมาก แต่ก็ขายได้ดีมาก
อันดับที่ 14 ทำเล F2 รัชโยธิน ระดับราคา 1.001-2.000 ล้านบาท ราคาเฉลี่ย 1.799 ล้านบาท มีอยู่ 2301 หน่วย ขายได้แล้ว 1808 หน่วย เหลืออยู่ 493 หน่วย รวมมูลค่าการพัฒนาเป็นเงิน 4,140 ล้านบาท ขายได้เดือนละ 15% คาดว่าจะขายหน่วยที่เหลือหมดในเวลา 1.42 เดือน สินค้านี้แม้มีอุปทานมาก แต่ก็ขายได้ดีมาก
อันดับที่ 15 ทำเล D3 บางบัว ระดับราคา 2.001-3.000 ล้านบาท ราคาเฉลี่ย 2.471 ล้านบาท มีอยู่ 138 หน่วย ขายได้แล้ว 92 หน่วย เหลืออยู่ 46 หน่วย รวมมูลค่าการพัฒนาเป็นเงิน 341 ล้านบาท ขายได้เดือนละ 15% คาดว่าจะขายหน่วยที่เหลือหมดในเวลา 2.26 เดือน
อันดับที่ 16 ทำเล I2 ปทุมวัน ระดับราคา 3.001-5.000 ล้านบาท ราคาเฉลี่ย 3.930 ล้านบาท มีอยู่ 543 หน่วย ขายได้แล้ว 521 หน่วย เหลืออยู่ 22 หน่วย รวมมูลค่าการพัฒนาเป็นเงิน 2,134 ล้านบาท ขายได้เดือนละ 14% คาดว่าจะขายหน่วยที่เหลือหมดในเวลา 0.29 เดือน ในกรณีนี้เหลือสินค้าอยู่น้อยมาก
อันดับที่ 17 ทำเล D2 สะพานใหม่ ระดับราคา 3.001-5.000 ล้านบาท ราคาเฉลี่ย 3.832 ล้านบาท มีอยู่ 274 หน่วย ขายได้แล้ว 106 หน่วย เหลืออยู่ 168 หน่วย รวมมูลค่าการพัฒนาเป็นเงิน 1,050 ล้านบาท ขายได้เดือนละ 14% คาดว่าจะขายหน่วยที่เหลือหมดในเวลา 4.44 เดือน
อันดับที่ 18 ทำเล I3 สุขุมวิท พระรามที่ 4 ระดับราคา 10.001-20.000 ล้านบาท ราคาเฉลี่ย 14.962 ล้านบาท มีอยู่ 1907 หน่วย ขายได้แล้ว 1216 หน่วย เหลืออยู่ 691 หน่วย รวมมูลค่าการพัฒนาเป็นเงิน 28,533 ล้านบาท ขายได้เดือนละ 13% คาดว่าจะขายหน่วยที่เหลือหมดในเวลา 2.72 เดือน สินค้านี้แม้มีอุปทานมาก แต่ก็ขายได้ดีมาก
หากจะพัฒนาสินค้าประเภทนี้ น่าจะมีโอกาสที่ดี แต่ควรศึกษาสถานการณ์ให้ดี และศึกษาต่อเนื่องเพื่อให้ไม่พลาดในการลงทุนทั้งพัฒนา ทั้งซื้อ ทั้งการอำนวยสินเชื่อ