AREA แถลง ฉบับที่ 38/2554: 29 เมษายน 2554
กู้ซื้อบ้านดอกเบี้ย 0%: เอาภาษีประชาชนไปแบกภาระ
ผู้แถลง: ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธาน
ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส
ตามข่าว "ดันประชานิยมลอตสุดท้ายกู้ซื้อบ้านดอก 0% 2 ปีแถมฟรีค่าโอน-จดจำนอง" จะมีผลสำหรับผู้ขอสินเชื่อสำหรับซื้อบ้านหลังแรก โดยบ้านที่ซื้อจะต้องมีราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท กู้สูงสุด 30 ปี แต่เมื่อนับรวมอายุผู้กู้รวมกับจำนวนปีที่ขอกู้จะต้องไม่เกิน 65 ปี โดยผู้ขอสินเชื่อจะได้รับอัตราดอกเบี้ย 0% ในระยะเวลา 2 ปีแรก และสามารถยื่นคำขอกู้ระหว่าง 1 พฤษภาคม - 30 ธันวาคม 2554 และทำนิติกรรมภายในวันที่ 1 พฤษภาคม 2555 รัฐบาลได้เตรียมวงเงินสินเชื่อรวม ทั้งหมด 50,000 ล้านบาทเพื่อการนี้
ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส มีความเห็นว่า มีข้อสังเกตที่พึงระวังของโครงการดังกล่าว ดังนี้:
1. เงินจำนวน 50,000 ล้านบาทนี้ เป็นภาษีของประชาชน ซี่งควรนำไปใช้ในการพัฒนาประเทศมากกว่าการอุดหนุนการซื้อบ้าน โดยควรนำไปจัดสร้างสาธารณูปโภค ถนน สะพานข้ามแม่น้ำ ซึ่งควรมีมากกว่าปัจจุบันโดยเฉพาะในกรุงเทพมหานคร ซึ่งจะส่งเสริมให้มูลค่าอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้น
2. ในการซื้อบ้าน หากผู้จะซื้อยังไม่พร้อม ก็ไม่ควรจะสนับสนุน เพราะอาจขาดกำลังในการผ่อนส่ง ทำให้เกิดปัญหาให้กับสถาบันการเงินในภายหลัง
3. การเร่งให้มีการซื้อบ้าน เป็นการส่งเสริมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มากกว่าการส่งเสริมการมีที่อยู่อาศัยของประชาชน เพราะในปัจจุบันนี้ก็ไม่มีปัญหาการขาดแคลนที่อยู่อาศัยของประชาชนแต่อย่างใด ยกเว้นชุมชนแออัด ซึ่งนับวันจะมีจำนวนลดลง
4. ภาวะในขณะนี้ไม่มีปัญหาในตลาด ไม่มีอะไรวิกฤติที่ต้องช่วยเหลือเป็นพิเศษ ผู้ประกอบการก็สามารถดำเนินโครงการได้ด้วยดี จากการสำรวจของศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส พบว่า โครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยที่ประสบปัญหาจนล้มเลิกไปมีจำนวนน้อยมาก
5. ในการผ่อนชำระค่าบ้านตามปกติ สมมติบ้านราคา 1,000,000 บาท ณ อัตราดอกเบี้ย 7% ต่อปี ในเวลาการผ่อน 20 ปีนั้น ในช่วง 2 ปีแรก จะเป็นการผ่อนดอกเบี้ยถึง 138,292 บาท และเป็นการผ่อนเงินต้นเพียง 50,493 บาท ดังนั้นถ้ารัฐบาลอุดหนุนดอกเบี้ย 2 ปีแรก ก็เท่ากับรัฐบาลต้องเสียเงินถึง 138,292 บาทสำหรับบ้านหลังละ 1,000,000 บาท
6. ในการให้ผ่อนยาวนานถึง 30 ปีนั้น แทบไม่ได้ช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยนัก เช่น ณ อัตราดอกเบี้ย 7% ต่อปี เงินผ่อนชำระต่อปีจะเป็นเงินประมาณ 78,572 บาท ในขณะที่หากผ่อนชำระ 15 ปี จะต้องผ่อนชำระปีละ 108,067 บาท ซึ่งเท่ากับลดภาระประชาชนลงไปเพียงปีละ 27% แต่ผ่อนนานขึ้นถึงหนึ่งเท่าตัว การผ่อนชำระเป็นเวลานานในกรณีที่ไม่จำเป็น จะเป็นการสร้างรายได้ให้กับสถาบันการเงิน แต่ทำให้เกิดค่าเสียโอกาสลงทุนอื่นของผู้ซื้อบ้าน
7. ในกรณีภาษีและค่าธรรมเนียมโอนที่ประมาณการไว้ 3% นั้น ปกติประชาชนก็สามารถจ่ายค่านายหน้า 3%และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ อยู่แล้ว ที่สำคัญรัฐบาลก็เพิ่งยกเลิกการยกเว้นภาษีและค่าธรรมเนียมโอนไป การผ่อนผันค่าธรรมเนียมโอนในอดีตก็เป็นเพราะปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจ แต่ในปัจจุบันไม่มีปัญหาดังกล่าว
8. สำหรับมาตรการนี้ที่ว่าสำหรับการซื้อบ้านหลังแรกนั้น มีข้อสังเกตว่าจะรวมเฉพาะบ้านมือหนึ่งที่ขายโดยผู้ประกอบการอย่างเดียว หรือรวมถึงการซื้อบ้านมือสองในท้องตลาดด้วย หากรัฐบาลจะออกมาตรการนี้จริง สมควรรวมถึงการซื้อขายบ้านทั่วไปของประชาชนด้วย
โดยภาพรวมแล้วสถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยในปัจจุบันยังไม่เกิดวิกฤติ การออกมาตรการต่าง ๆ จึงอาจมีความจำเป็นน้อย และพึงระวังเพราะอาจสร้างการขาดวินัยทางการเงิน และอาจสร้างอุปสงค์และอุปทานส่วนเกินจำเป็นจนกลายเป็นการสร้างฟองสบู่หรือการสร้างวิกฤติในอนาคต
ผู้แถลง:
ดร.โสภณ พรโชคชัย (sopon@area.co.th) ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์
เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส หรือ AREA (www.area.co.th): ซึ่งเป็นองค์กรที่มีฐานข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ภาคสนามขนาดใหญ่ที่สุดและปรับปรุงให้ทันสมัยที่สุดในประเทศไทย และดำเนินการเก็บข้อมูลต่อเนื่องมาตั้งแต่ พ.ศ.2537 เป็นศูนย์ข้อมูลที่มีความเป็นกลางทางวิชาการ และเป็นอิสระทางวิชาชีพ โดยไม่ถูกครอบงำโดยผู้มีส่วนได้ส่วนเสียใด ๆ สมาชิกของศูนย์ข้อมูลฯ ได้รับข้อมูลที่เป็น First-hand information ในเวลาเดียวกัน |