ตามที่มีข่าวว่าบริษัทแม่ของเหมืองทองอัคราในประเทศออสเตรเลีย อาจเรียกเงินชดเชยจากไทย 30,000 ล้านบาท ถ้าเรียกร้องจริง ผู้ออกคำสั่ง ม.44 คือ หัวหน้า คสช. คงต้องชดใช้ค่าเสียหายเอง แทนที่จะใช้เงินภาษีประชาชนไปชดเชย หรือควรไปเอาเงินชดเชยจากพวก NGOs ที่ยุให้ปิดเหมือง แต่ ดร.โสภณ มีทางออกให้บิ๊กตู่
ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย (www.area.co.th) เสนอให้รัฐบาลจัดทำประชามติของชาวบ้านในชุมชนโดยรอบซึ่งครอบคลุมประมาณ 3 ตำบลใน 3 จังหวัดรอยต่อ และเมื่อชาวบ้านเห็นชอบให้เปิดเหมืองใหม่ หัวหน้า คสช. ก็ใช้อำนาจตาม ม.44 เปิดเหมืองขึ้นใหม่ โดยเจรจากับทางออสเตรเลียว่าที่บริษัทของตนเสียหายไปเนื่องจากการปิดเหมืองไปตั้งแต่ต้นปี 2560 ให้รอมชอมกันไป และให้เปิดเหมืองใหม่ไปจนครบอายุสัญญาและต่อได้อีก 1 ปีที่เสียหายไป เป็นต้น การนี้จะทำให้บิ๊กตู่ "ไม่เสียรังวัด" เพราะอิงกับมติของประชาชนตามระบอบประชาธิปไตย
คำถามที่อาจเกิดขึ้นก็คือประชาชนส่วนใหญ่จะเห็นด้วยกับการเปิดเหมืองทองคำหรือไม่ ข้อนี้ ดร.โสภณ เชื่อมั่นว่าประชาชนส่วนใหญ่เห็นด้วยอย่างแน่นอน เพราะ
1. ที่ผ่านมาเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2555 นายอำนวย พานทอง นายอำเภอทับคล้อ และนายกฤษณะ ก้อนแก้ว นายก อบต.เขาเจ็ดลูก อ.ทับคล้อ จ.พิจิตร ได้จัดให้มีการลงประชามติเห็นด้วยกับการที่จะอนุญาตให้ บ.อัคราไมนิ่ง ขยายกิจการสร้างบ่อทิ้งกากแร่ได้ โดยเห็นด้วยเป็นจำนวน 560 คะแนน และไม่เห็นด้วยเป็นจำนวน 269 คะแนน จึงเป็นอันสรุปว่ามติในครั้งนี้ บ.อัครา ไมนิ่ง ได้รับคะแนนเห็นชอบจากชาวบ้านอย่างท่วมท้น (http://bit.ly/1WvASQF)
2. ในจดหมายถึงนายกรัฐมนตรี (30 พฤษภาคม 2559) จากผลการศึกษาของศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย ร่วมกับคณะนักศึกษาจากวิทยาลัยชุมชนพิจิตร วิทยาเขตทับคล้อ พบว่า ประชาชนถึงสี่ในห้า (78%) ต้องการให้เหมืองเปิดดำเนินการต่อไป แม้ไม่นับรวมผู้ที่ทำงานกับเหมืองหรือที่เกี่ยวข้อง ก็ยังมีผู้อยากให้เหมืองดำรงอยู่สูงถึง 75% อาจกล่าวได้ว่าประชาชนส่วนใหญ่ในแทบทุกหมู่บ้านต่างเห็นด้วยกับการให้มีเหมืองทองคำต่อไป (http://bit.ly/1slFPir)
ดังนั้นจึงเชื่อมั่นว่าประชาชนในท้องถิ่นใกล้เคียงเหมืองทองคำที่ว่าได้รับผลกระทบและได้เรียนรู้มาตลอดจากประสบการณ์อยู่ใกล้เหมืองมานับสิบปี และประสบการณ์การไม่มีเหมืองมาเกือบ 1 ปี จะสามารถชี้ขาดได้ และถ้ารัฐบาลทำตามมติของประชาชน บิ๊กตู่และคณะ คสช. ก็ไม่ต้องใช้เงินส่วนตัวเสียค่าชดเชย 30,000 ล้านบาทที่ทางบริษัทออสเตรเลียที่รับสัมปทานอาจเรียกร้อง
ใช้วิธีการประชาธิปไตย แก้ไขปัญหาของชาติ เป็นสิ่งที่ดีที่สุด