ประชากรผู้สูงวัยของไทยมีมากขึ้นเรื่อย ๆ เมือปี 2513 ประชากรส่วนใหญ่ในไทยเป็นวัยเด็กเป็นสำคัญ สมัยนั้นหลายๆ ท้องที่ยังไม่มีไฟฟ้าใช้ด้วยซ้ำไป ตกค่ำก็คงนอน กิจกรรมเดียวที่มีก็คงเป็น "เรื่องบนเตียง" หรือ "เรื่องในมุ้ง" ทำให้ประชากรออกลูกออกหลานกันมามากมาย แต่พอถึงปี 2533 สถานการณ์ก็เริ่มเปลี่ยน ประชากรเด็ก ๆ เกิดน้อยลง ยุค "เบบี้บูม" ได้ผ่านพ้นไปแล้ว ประชากรที่เป็นเด็กหรือ "เบบี้" ในยุคก่อนก็เข้าสู่ยุคผู้ใหญ่กันแล้ว ทำให้กำลังแรงงานของไทยเราเพิ่มมากขึ้น
ประชากรในปี 2553 หรืออีก 20 ปีต่อมา เริ่มปรากฏชัดยิ่งขึ้นว่าไทยจะเข้าเข้าสู่ยุคประชากรสูงวัยกันมากขึ้น เพราะเหล่า "เบบี้" เมื่อ 40 ปีก่อน เริ่มกลายเป็นวัยกลางคนเข้าไปแล้ว และปรากฏชัดว่าในไม่ช้าก็คงจะกลายเป็นประชากรสูงวัย ด้วยเหตุนี้ในอีก 20 ปีถัดมาหรือปี 2573 ก็จะมีประชากรสูงวัยเป็นประชากรกลุ่มใหญ่ที่สุดเข้ามาแทนที่ ประชากรสูงวัยเป็นประชากรที่ผลิตน้อยลง แต่บริโภคมากขึ้น บำนาญต่าง ๆ ที่จะได้รับ จะเพียงพอต่อประชากรกลุ่มนี้หรือไม่ก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจ แต่โดยที่ประเทศไทยเป็นประเทศอุตสาหกรรมใหม่แล้ว มีรายได้มากขึ้นแล้ว ก็คงสามารถเลี้ยงดูประชากรกลุ่มนี้ที่ทำคุณต่อชาติมามากนักในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมาได้
ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) ซึ่งทำการสำรวจตลาดอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2537 พบว่าการสร้างโครงการที่อยู่อาศัยสำหรับประชากรสูงวัยนั้นยังมีน้อยมากหรือแทบจะเรียกว่าไม่มีเลย แต่ก็เริ่มมีขึ้นบ้างแล้ว โดยเฉพาะที่เป็นข่าวใหญ่ว่า "หมอบุญ วนาสิน" จะสร้างโครงการอาคารชุดสำหรับประชากรสูงวัยแถวคลองหลวงจำนวนถึงราว 2,000 หน่วย ก็นับเป็นข่าวฮือฮามากเช่นกัน
สิ่งที่โครงการจัดสรรทั้งหลายกำลังดำเนินการอยู่ก็คือ การพยายามสร้างห้องในทาวน์เฮาส์ หรือในบ้านเดี่ยวที่เหมาะสมสำหรับผู้สูงวัย เช่น
1. ตั้งอยู่ชั้นล่างเพื่อไม่ต้องปีนป่าย
2. มีอุปกรณ์เสริมเพื่อการเดินเหิน การเคลื่อนย้ายประชากรผู้สูงวัย
3. มีสิ่งอำนวยความสะดวกมาสนับสนุน
4. มีระบบอัจฉริยะ โปรแกรมคอมพิวเตอร์ในการดูแลผู้สูงวัย
5. มีพยาบาลหรือหน่วยฉุกเฉินประจำการในหมู่บ้าน คอยดูแล เป็นต้น
การทำสิ่งเหล่านี้จะทำให้หน่วยขายประเภททาวน์เฮาส์และบ้านเดี่ยวดึงดูดกลุ่มผู้ซื้อซึ่งเป็นครอบครัวขยายได้ในระดับหนึ่ง ทำให้ชีวิตการทำงานและการอยู่อาศัยร่วมกับผู้สูงวัยง่ายขึ้น
สำหรับการสร้างที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงวัย ซึ่งอาจเป็นห้องชุด หรือทาวน์เฮาส์ หรือห้องในบ้านเพื่อการอยู่อาศัยร่วมกันของผู้สูงวัยนั้น เป็นลู่ทางการลงทุนที่สำคัญในฐานะที่เป็น Market Niche สำหรับตลาดอสังหาริมทรัพย์เช่นกัน ในภาวะที่บ้านจัดสรรและอาคารชุดขายได้ยาก ขายช้า การฉีกแนวมาสร้างบ้านผู้สูงวัยอาจเป็นทางออกหนึ่งที่เป็นไปได้ และอาจทำให้สามารถซื้อง่าย-ขายเร็วได้ด้วยเช่นกัน สินค้าที่ควรดำเนินการได้แก่:
1. บ้านพักผู้สูงวัยที่ยังช่วยตนเองได้ดี
2. บ้านพักผู้สูงวัยที่ช่วยตนเองได้บางส่วน
3. บ้านพักผู้สูงวัยที่ช่วยตัวเองไม่ได้ (ติดเตียง)
4. บ้านพักสำหรับระยะสุดท้ายของชีวิต
นอกจากนี้ยังอาจพ่วงบ้านพักชั่วคราวสำหรับผู้พักฟื้นไข้จากโรงพยาบาล หรืออาจเป็นที่พักใกล้โรงพยาบาลเพื่อให้สามารถทำการรักษาได้ทันท่วงที เป็นต้น
ในการวิเคราะห์ความเป็นไปได้ สิ่งสำคัญในการดำเนินการก็คือ
1. โอกาสทางธุรกิจจากการเปลี่ยนแปลงทัศนคติที่แทนที่จะอยู่อาศัยแบบครอบครัวขยาย ก็มาเป็นการอยู่ร่วมกันระหว่างกลุ่มผู้สูงวัย
2. ทักษะของนักวิชาชีพหรือเจ้าหน้าที่ๆ เกี่ยวข้องกับการดูแลผู้สูงวัย ซึ่งต้องมีความเชี่ยวชาญและจำนวนนักวิชาชีพที่เพียงพอ
3. การวิเคราะห์ความเป็นไปได้ทางการเงิน ที่สามารถบ่งชี้ให้เห็นว่าการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทนี้ เป็น Market Niche ที่ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าการพัฒนาที่อยู่อาศ้ยทั่วๆ ไป ซึ่งกำลังล้นตลาดอยู่ในเวลานี้
ยิ่งกว่านั้นในส่วนของผู้ลงทุนยังสามารถลงทุนปล่อยเช่าได้ด้วย ไม่จำเป็นต้องมาอยู่อาศัยเองในช่วงแรก ๆ ของการลงทุนนั่นเอง
บ้านพักผู้สูงวัยจึงถือเป็นช่องทางตลาดใหม่สำหรับนักลงทุนและนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์