ดร.โสภณ ไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอของสภาหอการค้าไทยเรื่องจะหาทางเลี่ยง/ลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างกันท่าเดียว ควรจ่ายเพื่อชาติอย่างชาญฉลาดดีกว่าขลาดกลัว
ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย (www.area.co.th) ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างและได้พาคณะข้าราชการไปศึกษาดูงานด้านนี้ในต่างประเทศหลายแห่ง ให้ความเห็นวิพากษ์วิจารณ์ต่อข้อเสนอแนะของคณะกรรมการสมาคมการค้ากลุ่มอสังหาริมทรัพย์ออกแบบและก่อสร้าง สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ดังนี้:
1. เก็บภาษีเฉพาะสิ่งปลูกสร้าง ข้อนี้เป็นการบิดเบือนความจริง คนที่มีทั้งที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ก็ควรเก็บภาษีทั้งสิ้น จะพยายามหลีกเลี่ยงไม่เสียภาษีกันให้ได้หรืออย่างไร
2. ใช้ค่าเฉลี่ยแทนราคาประเมิน อันที่จริง ควรที่จะใช้ราคาตลาดเพราะราคาประเมินของทางราชการต่ำกว่าความเป็นจริงมาก แต่ไม่มีสัดส่วนที่แน่นอนว่าต่ำกว่าเท่าไหร่ ควรที่จะให้ประชาชนแจ้งราคาซื้อขายตามจริงโดยไม่เสียค่าธรรมเนียมโอน เพื่อป้องกันการหลีกเลี่ยงแจ้งต่ำกว่าความเป็นจริง ประเทศไทยก็จะมีฐานข้อมูลราคาซื้อขายที่แท้จริง
3. ใช้อัตราขั้นต่ำเพียงราคาเดียว ไม่มีก้าวหน้า ข้อนี้ก็แสดงเจตนาไม่ต้องการเสียภาษีหรือเลี่ยงภาษีชัดเจน แต่สำหรับทรัพย์ทุกประเภทและทุกราคา ก็อาจผ่อนผันให้ใช้อัตราเดียวกันได้ ยกเว้นที่ดินเปล่าที่เก็บไว้โดยไม่พัฒนา ควรเก็บภาษีให้หนัก เพื่อให้อุปทานที่ดินมีมากขึ้น ราคาบ้านจะได้ไม่สูงเกินไป
4. เอสเอ็มอีควรเก็บอัตราเดียวกับที่อยู่อาศัย ข้อนี้จะไม่มีปัญหาเลย หากเป็นการจัดเก็บตามราคาที่แท้จริง เช่น บ้านราคา 5 ล้าน กับตึกแถวประกอบธุรกิจราคา 5 ล้านบาท หรือที่นาราคา 5 ล้านบาท ก็ควรเก็บภาษีในอัตราเดียวกัน
5. ที่ดิน-บ้านพักอาศัยดั้งเดิมที่ความเจริญตัดผ่าน ไม่ควรเสียภาษีเต็มอัตรา กรณีนี้เป็นการเลี่ยงภาษีชัดเจน ถ้าคนเกษียณมีบำนาญเดือนละ 20,000 บาทแต่กลับมีบ้านหลังหนึ่งราคา 100 ล้านบาทในใจกลางเมืองเพราะได้รับมรดกมา อาจไม่สามารถเสียภาษีได้ ข้อนี้ก็ควรขายบ้านเสีย จะอ้างความจนอย่างไม่ละอาย เพียงเพื่อไม่เสียภาษี แล้วค่อยเก็บไว้ให้ลูกหลาน คงไม่ได้ แต่หากขายไปแล้วได้เงินมา ไปซื้อบ้านที่อื่น จ้างพยาบาลคอยปรนนิบัติ ก็ยังเหลือเงินอีกมหาศาล ไม่ควรเอาเปรียบสังคม
6. บ้านหลังที่ 2 ราคาถูกของคนต่างจังหวัดที่มาทำงานใน กทม. ควรยกเว้น ข้อนี้เป็นการพยายามทำเรื่องหยุมหยิม ทุกวันนี้ใครก็ตามมีทรัพย์เป็นห้องชุดราคา 100,000 บาท ก็ต้องเสียค่าส่วนกลาง จะพยายามหาเหตุเลี่ยงให้ตีความยากเอาเปรียบสังคม นับเป็นสิ่งไม่ดี
7. ที่ดินตาบอด/ที่ดินที่ผังเมือง/กฎหมายอื่นๆ ห้ามพัฒนาควรยกเว้น อันที่จริงใครมีที่ดินตาบอดก็ควรขายเสีย ถ้ากลัวเสียเปรียบ รัฐก็อาจตั้งหน่วยงานมารับซื้อในราคาที่เป็นธรรม จะหาเรื่องเลี่ยงภาษี นับว่าไม่สง่างาม แต่หากมีการรอนสิทธิ์ใด ๆ รัฐควรจ่ายค่าทดแทนแก่ประชาชน ไม่ใช่เล่น "เถิดเทิง" แบบ "จับแพะชนแกะ" อย่างนี้
8. ที่ดินที่ถูกกำหนดให้เป็นพื้นที่รับน้ำป้องกันน้ำท่วม ควรยกเว้น ข้อนี้ก็เช่นเดียวกับข้อ 8
9. คลับเฮาส์ บริการสาธารณะในโครงการจัดสรร กรณีนี้ถ้าเป็นทรัพย์ส่วนกลาง ก็ไม่ควรเสียภาษี แต่ถ้ายังเป็นของนักพัฒนาที่ดิน เก็บไว้ใช้หาประโยชน์ทางธุรกิจ ก็ควรเสียภาษี ไม่ควรหลีกเลี่ยง เอาเปรียบสังคม
คิดให้ดีเรื่องภาษีที่ดิน ไม่ควรกลัวจน "ขี้ขึ้นสมอง" ควรให้ความรู้แก่ประชาชนว่า ภาษีนี้ดี ยิ่งให้ ยิ่งได้ พอท้องถิ่นเจริญ มูลค่าทรัพย์ก็จะขึ้นมากกว่าภาษีที่เสียไปเสียอีก อย่าได้วิตกจนรัฐบาลต้องงัดมาตรการเพิ่มภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งจะทำให้ประชาชนเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า