ในเดือนสิงหาคม ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลมีการเปิดตัวโครงการอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้นอย่างคึกคัก ซึ่งในเดือนนี้มีจำนวนโครงการเปิดขายใหม่ทั้งหมด 40 โครงการ เพิ่มขึ้นจากเดือนกรกฎาคม 2560 มากถึง 19 โครงการ ทำให้จำนวนหน่วยขายและมูลค่าเพิ่มขึ้นตามด้วย โดยเป็นการพัฒนาในกลุ่มที่อยู่อาศัยทั้ง 40 โครงการ มีจำนวนหน่วยขายรวม 12,302 หน่วย และมีมูลค่าการพัฒนาโครงการรวม 45,501ล้านบาท
จำนวนอสังหาริมทรัพย์ที่เกิดขึ้นใหม่ในเดือนนี้มีทั้งหมด 12,302 หน่วย เพิ่มขึ้นจากเดือนที่ผ่านมาจำนวน 5,927 หน่วย (เดือนกรกฎาคม 2560 มีจำนวน 6,375 หน่วย) หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 93% เนื่องจากมีจำนวนโครงการเปิดใหม่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะผู้ประกอบการรายใหญ่ และกลุ่มอาคารชุดที่เปิดตัวกันเป็นจำนวนมาก ดังนั้นในเดือนสิงหาคมจำนวนหน่วยขายโดยรวมของเดือนนี้จึงเพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก
มูลค่ารวมของการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่เกิดใหม่ในเดือนสิงหาคม 2560 นี้มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 45,501 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดือนที่ผ่านมาจำนวน 18,524 ล้านบาท (เดือนกรกฎาคม 2560 มีมูลค่า 26,976 ล้านบาท) หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 69% ในเดือนสิงหาคมนี้ลักษณะการพัฒนาที่อยู่อาศัยจะแตกต่างจากเดือนที่ผ่านมา โดยจะพบว่าสินค้าที่เข้าสู่ตลาดส่วนใหญ่เป็นอาคารชุด ซึ่งภาพรวมราคาที่อยู่อาศัยส่วนใหญ่เน้นที่ราคาปานกลางค่อนข้างถูกเป็นสำคัญ ซึ่งจะพบว่ามีราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท มากถึง (62%) ของหน่วยขายที่เปิดใหม่ทั้งหมดในเดือนนี้
ประเภทที่มีมูลค่าการพัฒนาสูงสุด คืออาคารชุด 22,905 ล้านบาท (50%) รองลงมาคือ ทาวน์เฮาส์ 14,106 ล้านบาท (17%) ส่วนอันดับ 3 คือ บ้านเดี่ยว 6,384 ล้านบาท (14%) ของมูลค่าการพัฒนาทั้งหมดตามลำดับ ดังนั้นภาพรวมของการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในเดือนนี้ส่วนใหญ่หากเป็นบ้านเดี่ยวจะเน้นที่ระดับราคา 3-5 ล้านบาท ทาวน์เฮาส์ราคา 2-3 ล้านบาท ส่วนอาคารชุดจะเน้นที่ราคา 2-3 ล้านบาท จึงทำให้ราคาขายเฉลี่ยต่อหน่วยในเดือนนี้ลดลงประมาณ -12.6% เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนกรกฎาคม ซึ่งราคาขายเฉลี่ยต่อหน่วยของเดือนนี้มีราคาเฉลี่ยที่ประมาณ 3.699 ล้านบาท แต่เดือนที่ผ่านมามีราคาขายเฉลี่ยที่ 4.232 ล้านบาท ซึ่งแสดงถึงแนวโน้มการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อยถึงปานกลางเพิ่มมากขึ้น
ผู้ประกอบการที่เปิดตัวโครงการใหม่ในเดือนนี้ จะพบว่าเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ (มหาชน) จำนวน 9 บริษัท คือ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) บริษัท เจ.เอส.พี. พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) บริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) บริษัท ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ตามลำดับ นอกจากนี้ก็ยังมีบริษัทในเครือ และบริษัททั่วไปอีกจำนวนหนึ่ง หากเปรียบเทียบการพัฒนาระหว่างบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ บริษัทในเครือ และบริษัททั่วไป
เมื่อเทียบอสังหาริมทรัพย์ที่เปิดใหม่เดือนสิงหาคมของปีนี้กับเดือนสิงหาคมปี 2559 จะพบว่าในปีนี้มีจำนวนโครงการเปิดใหม่ลดลง 1 โครงการ (-2%) มีจำนวนหน่วยเพิ่ม 3,666 หน่วย (42%) มีมูลค่าเพิ่มขึ้น 11,344 ล้านบาท (33%) แต่มีราคาขายเฉลี่ยต่อหน่วยลดลงจาก 3.955 ล้านบาท เป็น 3.699 ล้านบาท (-6%) นอกจากนี้ในเดือนสิงหาคมนี้ทาง REI ได้พบโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่รอเปิดขายใหม่ในอนาคตอีก 392 โครงการ จะสังเกตได้ว่ามีโครงการหลายแห่งที่ได้ประกาศตัวหรือเปิดตัวทางหน้าหนังสือพิมพ์ อย่างไรก็ตามในการเปิดขายจริง (ที่มีโบรชัวร์และสำนักงานขายที่พร้อมต้อนรับผู้สนใจซื้อไปเยี่ยมชม) ยังไม่มี จึงถือเป็นโครงการที่ยังไม่เปิดตัวและเมื่อเปิดตัวจริงแล้ว จะได้ดำเนินการสำรวจต่อไป