อสังหาริมทรัพย์ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลมีการเปิดตัวโครงการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องก่อนสิ้นไตรมาส 3 ซึ่งในเดือนนี้มีจำนวนโครงการเปิดขายใหม่ทั้งหมด 48 โครงการ เพิ่มขึ้นจากเดือนสิงหาคม 2560 จำนวน 8 โครงการ มีจำนวนหน่วยขายรวม 15,692 หน่วย และมีมูลค่าการพัฒนาโครงการรวม 60,985 ล้านบาท
ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) เปิดเผยว่าจำนวนอสังหาริมทรัพย์ที่เกิดขึ้นใหม่ในเดือนนี้มีทั้งหมด 15,692 หน่วย เพิ่มขึ้นจากเดือนที่ผ่านมาจำนวน 3,390 หน่วย (เดือนสิงหาคม 2560 มีจำนวน 12,302 หน่วย) หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 28% เนื่องจากมีจำนวนโครงการเปิดใหม่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มอาคารชุดที่พัฒนาโดยผู้ประกอบการรายใหญ่ และมีจำนวนหน่วยขายต่อโครงการจำนวนมากขึ้น
จำนวนหน่วยเปิดขายใหม่มากที่สุดในเดือนนี้ยังคงเป็นอาคารชุดเช่นเดือนที่ผ่านมา โดยมีจำนวนหน่วยเปิดขาย 10,426 หน่วย (66.4%) รองลงมาคือ ทาวน์เฮ้าส์ 3,138 หน่วย (20.0%) ส่วนอันดับ 3 คือ บ้านเดี่ยว 1,628 หน่วย (10.4%) ของจำนวนหน่วยขายที่เปิดขายใหม่ทั้งหมด โดยอาคารชุดจะตั้งอยู่ในบริเวณย่านธุรกิจและตามแนวรถไฟฟ้าสายสีเขียว เช่น ถนนสุขุมวิท ลาดพร้าว รัชโยธิน เสนานิคม-สะพานใหม่
เมื่อพิจารณาอัตราการขายได้ จะพบว่าในเดือนแรกของการเปิดขายมีอัตราการขายได้เฉลี่ยที่ 40% ซึ่งเพิ่มจากเดือนที่ผ่านมาที่มีอัตราการขายได้ที่ 19% ต่อเดือน โดยประเภทอสังหาริมทรัพย์ที่มีอัตราการได้สูงสุด และมีจำนวนหน่วยขายเป็นส่วนใหญ่ของตลาด อันดับ 1 คือ อาคารชุดระดับราคา 3-5 ล้านบาท จำนวน 4,476 หน่วย ขายได้แล้ว 3,006 หน่วย (67%) การขายได้นี้หมายถึงการจองซื้อ แต่ยังไม่ได้โอน ตัวเลขอัตราขายนี้จะสะท้อนภาวะตลาดได้ดีที่สุด
ดร.โสภณ กล่าวว่า ผู้ประกอบการที่เปิดตัวโครงการใหม่ในเดือนนี้เป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ (มหาชน) เกือบ 90% เรียกว่า "ปูพรม" "ผูกขาด" กันไปเลย รวมจำนวน 15 บริษัท คือ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) บริษัท เจ.เอส.พี.พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) บริษัท เจเอเอส แอสเซ็ท จำกัด (มหาชน) บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) บริษัท แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) บริษัท ออลล์อินสไปร์ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ตามลำดับ
ดร.โสภณ แจกแจงว่า ในเดือนนี้มีโครงการที่เปิดตัวใหม่และตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพชั้นในจำนวน 9 โครงการ และตั้งอยู่ในเขตเมืองชั้นกลางและส่วนต่อขยายของเมือง (intermediate area) จำนวน 28 โครงการ เช่น ถนนประชาชื่น ถนนรามอินทรา ถนนลาดพร้าว ถนนเกษตร-นวมินทร์ ถนนประชาอุทิศ ถนนพระราม 2 และถนนรัตนาธิเบศร์ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีอีก 11 โครงการที่อยู่ในพื้นที่รอบนอกซึ่งเป็นย่านชุมชนที่อยู่อาศัยในย่านนั้น เช่น ย่านคลองหลวง รังสิต-นครนายก และตลิ่งชัน-บางบัวทอง เป็นต้น
การแห่กันเปิดตัวกันมหาศาลนี้ส่วนหนึ่งคงเป็นผลจากการจัดงานมหกรรมที่อยู่อาศัยในเดือนตุลาคม โครงการส่วนหนึ่งจึงเปิดตัวมาขายในช่วงนี้ ดร.โสภณ ให้ข้อสังเกตว่า การเปิดตัวโครงการมากมายเช่นนี้ไม่ได้หมายความว่าประชาชนมีกำลังซื้อมากขึ้น แต่การเก็งกำไรน่าจะมีมากขึ้นมากกว่าแต่ก่อน