AREA แถลง ฉบับที่ 52/2554: 2 มิถุนายน 2554
มาร่วมกันปราบการทุจริตโกงกิน
ผู้แถลง: ดร.โสภณ พรโชคชัย
ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย
บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส
เมื่อวานนี้ สภาหอการค้าไทยร่วมกับเครือข่าย 23 แห่งจัดประชุมภาคีการต่อต้านคอร์รัปชั่นเมื่อวานนี้ โดยมีผู้เข้าสัมมนาถึง 600 คน ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส ในฐานะกรรมการธรรมาภิบาลและความรับผิดชอบ สภาหอการค้าไทย และเป็นผู้แทนภาคี UN Global Compact ขององค์การสหประชาชาติ จึงขอเสนอแนวทางการต่อต้านการทุจริตโกงกิน
แม้ภาคเอกชนเช่น สภาหอการค้าไทยจะออกมากระตุ้นการปราบปรามการทุจริตโกงกิน จนหลายฝ่ายมองมองพันธกิจการแก้ไขปัญหาน่าจะอยู่ที่ภาคประชาสังคม ภาคเอกชนและองค์กรอิสระ แต่ในความเป็นจริงรัฐบาลต่างหากที่เป็นผู้นำหลักในการแก้ไขปัญหา เพราะปัญหาหลักอยู่ที่ภาครัฐบาล ทั้งนี้เพราะคงไม่มีภาคเอกชนใดไปติดสินบนข้าราชการหากไม่ถูกเรียกร้องแกมบังคับ การจ่ายสินบนย่อมทำให้ต้นทุนของสินค้าและบริการเพิ่มสูงขึ้น ทำให้การค้าลำบากยิ่งขึ้นต่างหาก การพุ่งเป้าผิดที่คือแทนที่จะไปแก้ไขในภาครัฐบาลอาจกลายเป็นการช่วยอนุรักษ์การทุจริตโกงกินไว้นาน ๆ เพราะไม่ได้รับการแตะต้อง
อย่างไรก็ตามก็มีการทุจริตโกงกินในภาคเอกชนเช่นกัน เช่น การโก่งราคาสินค้า การหลอกขายสินค้าเกินคุณภาพ ฯลฯ โดยเฉพาะในยามวิกฤติเศรษฐกิจที่ผู้บริหารสถาบันการเงินล้มบนฟูก ผู้ประกอบการพัฒนาที่ดินโกงผู้รับเหมา หรือผู้ประเมินค่าทรัพย์สินรับเงินจากลูกค้าเพื่อให้ประเมินสูงหรือต่ำเกินความเป็นจริง เป็นต้น แต่การโกงเหล่านี้ถือเป็นเรื่องปลีกย่อยเพราะอำนาจรัฐสามารถเข้าจัดการได้ แต่การโกงกินในวงอำนาจรัฐเอง ที่ทำให้สถานการณ์เสื่อมทรุด
ดร.ทิมอธี ต่อง กล่าวว่า ตามประสบการณ์การแก้ไขปัญหาทุจริตโกงกินนั้น เริ่มที่ภาครัฐบาลก่อน แล้วค่อยไปแก้ไขปัญหา “ล้มบนฟูก” ของภาคเอกชนต่อไป ฮ่องกงใช้เวลาหลายปีในการ “ทำความสะอาด” วงการตำรวจ การโยธาธิการและการขออนุญาตก่อสร้าง และส่วนราชการอื่น อาจจะรวมกรมศุลกากร การท่าเรือ การไฟฟ้า การรถไฟ กรมที่ดิน องค์การปกครองส่วนท้องถิ่นต่าง ๆ ฯลฯ การ “เชือดไก่ให้ลิงดู” แม้จะไม่ได้เริ่มต้นทุนตัวใหญ่สุด แต่การทำต่อเนื่องก็จะช่วยกำหราบการทุจริตโกงกินอย่างชะงัด
การหวังพึ่งภาคประชาสังคมที่พูดกันไป “สามวาสองศอก” นั้นคงไม่มีความหวัง เมื่อวานนี้ ดร.เพิ่มศักดิ์ มกราภิรมย์ วิทยากรในการอบรมนักบริหารยุทธศาสตร์การป้องกันและปราบปรามการทุจริตระดับสูงที่จัดโดยสำนักงาน ปปช. ยังได้ให้ข้อมูลว่าพวกเครือข่ายประชาสังคมนั้น แต่ละคนก็มักสวมหมวกหลายใบ และมักถูกจัดตั้งหรือแทรกแซงโดยหน่วยราชการต่าง ๆ บ้างก็มาเป็นเพื่อโอกาสส่วนตัวไม่ได้มีจิตสาธารณะ แต่ ดร.เพิ่มศักดิ์ ก็ยังหวังว่าเครือข่ายประชาสังคมเหล่านี้จะมีความเป็นอิสระและมีคุณธรรมนำหน้า ซึ่งก็คงเป็นความหวังที่แทบจะเป็นไปไม่ได้ หรือเป็นไปได้น้อยแห่งจากทั้งหมดทั่วประเทศ
ในทางปฏิบัติหัวหน้าคณะรัฐบาลต้องให้ความจริงจังในการดำเนินการปราบปรามการทุจริตโกงกิน มีการพิสูจน์ความผิดจับกุม ไล่ออกจากราชการอย่างต่อเนื่องและจริงจัง สื่อของรัฐต้องช่วยกันนำเสนอข่าว เปิดโปงการทุจริตโกงกิน ประเพณีการตบเท้าอวยพรวันเกิดบุคคลระดับสูงทั้งที่ยังดำรงตำแหน่งราชการหรือเกษียณอายุราชการไปนานแล้วควรยกเลิก เพราะเป็นเครื่องหมายของความพยายามสร้างเครือข่ายการทุจริตโกงกิน แสวงหาตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบ ซึ่งคงไม่มีประเทศที่เจริญเขาทำกัน
การปราบปรามการทุจริตโกงกินอย่างจริงจังจะทำให้ความน่าเชื่อถือของประเทศสูงขึ้น ระดับความเสี่ยงของประเทศ (Country Risk) ก็จะต่ำลง การเข้ามาลงทุนของต่างประเทศจะมากขึ้น ทำให้ประเทศชาติเจริญขึ้น ประชาชนผู้บริโภคก็จะได้สินค้าคุณภาพที่ดีในราคาถูกเพราะการแข่งขันเสรีในการจัดซื้อจัดจ้างต่าง ๆ นั่นเอง มูลค่าทรัพย์สิน อสังหาริมทรัพย์ไทยก็จะเพิ่มขึ้นและทรงมูลค่าที่ยั่งยืนด้วย
ผู้แถลง:
ดร.โสภณ พรโชคชัย (sopon@area.co.th) ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส หรือ AREA (www.area.co.th): ซึ่งเป็นองค์กรที่มีฐานข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ภาคสนามขนาดใหญ่ที่สุดและปรับปรุงให้ทันสมัยที่สุดในประเทศไทย และดำเนินการเก็บข้อมูลต่อเนื่องมาตั้งแต่ พ.ศ.2537 เป็นศูนย์ข้อมูลที่มีความเป็นกลางทางวิชาการ และเป็นอิสระทางวิชาชีพ โดยไม่ถูกครอบงำโดยผู้มีส่วนได้ส่วนเสียใด ๆ สมาชิกของศูนย์ข้อมูลฯ ได้รับข้อมูลที่เป็น First-hand information ในเวลาเดียวกัน
|