วันนี้ผมขอมากระทุ้งเรื่องการสร้างทางด่วนราชดำริ และการปรับปรุงการจราจรทางน้ำ อยากให้ทุกฝ่ายเห็นความจำเป็นในการร่วมมือกับรัฐบาลก่อสร้างทางด่วนเชื่อมทางด่วนขั้นที่ 2 ที่อุรุพงษ์และกับทางด่วนขั้นที่ 1 ที่มักกะสัน ระบายการจราจรที่ราชดำริและประตูน้ำ ซึ่งถือว่าวิกฤติสุด และยังเสนอแผนการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคทางน้ำเพิ่มเติม รวมทั้งการประกันภัยแก่ผู้ใช้บริการเรือด่วน
ต่อกรณีการสร้างทางด่วนเพื่อกระจายการจราจรตามแนวคลองแสนแสบสมควรที่จะดำเนินการเป็นอย่างยิ่ง เพราะการจราจรในเขตใจกลางเมืองติดขัดเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะบริเวณถนนราชดำริ ต้นทุนการสูญเสียน้ำมันและเวลาของประชาชนส่วนใหญ่ ย่อมมีความสำคัญต่อประเทศชาติโดยรวม อย่างไรก็ตามการเวนคืน ควรจ่ายค่าทดแทนให้เหมาะสมกับความเป็นจริง และให้ความเคารพต่อศาสนสถานและความเป็นชุมชนมุสลิมดั้งเดิมที่อยู่อาศัยกันมาตั้งแต่สมัยตั้งกรุงเทพมหานคร
ที่ผ่านมาการประท้วงของประชาชนชาวมุสลิมที่บ้านครัวต่อการก่อสร้างทางด่วนนี้เพราะอาจมีการเวนคืนมัสยิดและกุโบร์ (ที่ฝังศพ) หรือบ้านเรือนชาวมุสลิม มีการต่อสู้ขัดแย้งกันมานานและเกิดขึ้นเป็นระยะๆ จนเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2558 ได้มีข้อสรุปว่า "ไม่ต่อ พ.ร.ฎ.เวนคืนบ้านครัว คมนาคมสั่ง กทพ.เจรจาบีอีซีแอลยุติ-หลังยืดเยื้อมากว่า 20 ปี" (https://goo.gl/QUAPUf) อย่างไรก็ตามในความเป็นจริง น่าจะมีความเป็นไปได้ในการดำเนินการโดยไม่เกิดผลกระทบมากนัก
ผมจึงขอเสนอแนวทางการเวนคืนด้วยการเวนคืนที่ดินในบริเวณใกล้เคียงเพื่อสร้างที่อยู่อาศัยเป็นแบบห้องชุดแนวราบที่ออกแบบให้คล้ายบ้านเดี่ยวยกระดับ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในการย้ายประชาชนที่อยู่อาศัยในบริเวณนี้มานาน ทำให้วิถีชีวิตไม่ได้รับผลกระทบจากการรื้อย้ายบ้านหรือชุมชนบางส่วนออกไป นอกจากนั้น ชุมชนในพื้นที่เดิมบางส่วนยังเป็นชุมชนแออัด ซึ่งหากสามารถสร้างใหม่ให้มีความสูงเพิ่มขึ้น ทำให้ประชาชนผู้ถูกเวนคืนได้รับผลกระทบน้อยและได้ประโยชน์จากการมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในการอยู่อาศัย ย่อมทำให้ประชาชนยินยอมรับการเวนคืน
นอกจากนี้รัฐบาลยังอาจพิจารณาสร้างทางด่วนใต้ดินในช่วงบริเวณดังกล่าว โดยสร้างอยู่ใต้คลองแสนแสบอีกชั้นหนึ่ง ทั้งนี้อาจสร้างทางด่วนใต้ดิน 2 ชั้น เป็นช่องขาไปและขากลับ และบางส่วนอาจล้ำเข้ามาในแดนกรรมสิทธิ์ของเจ้าของที่ดินในเขตชุมชนแออัด ซึ่งเป็นชุมชนดั้งเดิมบ้าง และสมควรจ่ายค่าทดแทนตามสมควร แต่คาดว่าคงเป็นเงินไม่มากนักสำหรับการลงทุน เนื่องจากที่ดินในชุมชนแออัดย่อมมีศักยภาพในการพัฒนาในทางอื่นต่ำ มูลค่าจึงไม่สูงเช่นเดียวกับที่ดินใจกลางเมืองผืนอื่นๆ ที่อยู่บริเวณใกล้เคียง
นอกจากนี้เพื่อเป็นตัวอย่างของความเสมอภาคระหว่างประชาชนทั่วไป กับอาคารขนาดใหญ่ รัฐบาลพึงเวนคืนอาคารขนาดใหญ่พิเศษใดๆ ที่ก่อสร้างขวางแนวสร้างทางเชื่อมทางด่วนดังกล่าวนี้ ถึงแม้อาคารเหล่านี้จะได้รับอนุญาตและก่อสร้างไปแล้ว แต่ในปัจจุบันกลับกีดขวางการเชื่อมทางด่วนขั้นที่หนึ่งและทางด่วนขั้นที่สอง ก็สมควรได้รับการเวนคืนและรื้อย้ายเช่นกัน สิ่งที่รัฐบาลและกรุงเทพมหานครควรดำเนินการร่วมกันก็คือการก่อสร้างทางด่วนเชื่อมต่อระหว่างทางด่วนขั้นที่ 1 ตรงมักกะสัน กับทางด่วนขั้นที่ 2 ตรงอุรุพงษ์ เพื่อการจราจรในกลางเมืองบริเวณราชประสงค์ ประตูน้ำ และราชปรารภ ซึ่งถือเป็นจุดวิกฤติแห่งหนึ่งที่สุดในประเทศไทย
อนึ่งในขณะนี้มีพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนตลอดแนวคลองแสนแสบในท้องที่เขตราชเทวี และเขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2554 เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2554 ซึ่งเป็นการต่ออายุพระราชกฤษฎีกาเดิมโดยมีแนวเวนคืนอาจกว้างเพียง 100 เมตร ซึ่งอาจทำให้ประชาชนสับสนเรื่องการเวนคืนที่ดินของชาวบ้าน ดังนั้นในอนาคต ควรที่หน่วยราชการที่รับผิดชอบการเวนคืน กำหนดเขตการเวนคืนจริงให้ชัดเจน ไม่เช่นนั้น ผู้อยู่ในเขตเวนคืนที่กว้างเกินความเป็นจริงอาจตกใจ และที่สำคัญ ทำให้ไม่สามารถขายทรัพย์สินได้เนื่องจากผู้ซื้ออาจไม่กล้าซื้อด้วยเกรงจะถูกเวนคืนนั่นเอง
การจราจรโดยอาศัยเรือด่วนนับเป็นทางเลือกหนึ่งในสถานการณ์ที่ไม่มีโอกาสอื่นในการพัฒนา แต่ในอนาคต กรุงเทพมหานครสมควรนำคลองนี้มาใช้เพื่อการก่อสร้างรถไฟฟ้า และเดินเรือต่อไป โดยทางรถไฟฟ้าเส้นผ่านฟ้า - ราชเทวี – คลองตัน – รามคำแหง จะเป็นเส้นทางที่น่าจะมีผู้ใช้บริการมากที่สุดเส้นหนึ่งไม่แพ้เส้นสุขุมวิท เพราะมีประชาชนอาศัยอยู่ตามเส้นทางนี้เป็นจำนวนมากไม่แพ้กัน โดยเชื่อว่าจะมีผู้ใช้บริการมากกว่ารถไฟฟ้าสายสีม่วงที่ไปทางบางบัวทองเสียอีก
สำหรับประเด็นการสัญจรทางน้ำที่น่าสนใจเพิ่มเติมก็คือ
1. การประกันภัยกับผู้ได้รับความเสียหาย เช่น ตกน้ำ บาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากการใช้บริการเรือด่วน
2. การมีหน่วยตรวจสอบการให้บริการอย่างใกล้ชิดเพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน
3. การปรับปรุงสภาพเรือ และตลิ่ง เพื่อไม่ให้กระทบต่อผู้อยู่อาศัยริมคลองในระหว่างการเดินเรือ
4. การขยายเส้นทางเดินเรืออื่น ๆ เช่น คลองลาดพร้าว คลองสอง เป็นต้น
การวางแผนพัฒนาเมืองที่ดีจะทำให้การอยู่อาศัยของประชาชนมีความสงบสุข ในรุ่นที่ผ่านมาประชาชนเมืองต้องย้ายออกไปถึงบางกะปิ มีนบุรี ในอนาคตอาจต้องย้ายออกไปไกลถึงหนองจอก ฉะเชิงเทรา เพราะการขาดการวางแผนพัฒนาเมืองที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นการกีดขวางความเจริญและสร้างความเจ็บปวดแก่ประชาชน
ที่มาของรูปภาพ: https://goo.gl/SyBqgQ