ค่าแรงขั้นต่ำต้องขึ้นได้แล้ว ควรขึ้นทุกปี เลิกเอาเปรียบลูกจ้างได้แล้ว คุ้มค่าแน่นอน เศรษฐกิจไทย จะได้พัฒนากว่าทุกวันนี้
ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) ในฐานะกรรมการสภาองค์การนายจ้างแห่งประเทศไทย แสดงความเห็นส่วนตัวถึงกรณีค่าแรงขั้นต่ำซึ่งปัจจุบันอยู่ที่วันละ 300 บาท ว่าควรเพิ่มได้แล้ว โดยเพิ่มน้อย 15-30% เพื่อให้สอดคล้องกับค่าครองชีพในปัจจุบัน โดยให้เหตุผลว่า:
1. ค่าแรงขั้นต่ำในความเป็นจริงโดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรมก่อสร้างซึ่งเป็นภาคที่ใช้แรงงานค่อนข้างหนัก ก็จ้างสูงกว่า 300 บาทมานานแล้ว
2. ค่าแรงที่ จ้างแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้าน ไม่ว่าจะเป็นงานในบ้าน หรือการใช้ แรงงานในภาคสนามสาขาอื่นๆ การจำกัดตั้งกฎหมายเช่นนี้จึงเสียผลประโยชน์ผู้ใช้แรงงานคนไทยมากกว่าแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้านเสียอีก
3. สำหรับอุตสาหกรรมที่บอกว่าราคาสินค้าบางรายการจากจีนยังถูกกว่าต้นทุนที่ผลิตในประเทศไทย ข้อนี้หากสมมติให้มีการลดค่าแรงคนไทยแค่ครึ่งหนึ่งหรือเหลือ 150 บาทก็ยังคงไม่สามารถแข่งขันกับจีนได้อยู่ดี
4. ในภาคอุตสาหกรรม ปัจจัยการผลิตหลักก็คือเครื่องจักร ในภาคการเงิน ปัจจัยการผลิตก็คือเงินต่อเงิน ในภาคอสังหาริมทรัพย์ ปัจจัยการผลิตหลักก็คือที่ดิน-อาคาร แรงงานเป็นเพียงน้อยนิดที่นายจ้างนำมาอ้างเพื่อกำไรสูงสุดตัวเอง มีเพียงอุตสาหกรรมบริการที่แรงงานเป็นปัจจัยการผลิตหลัก แต่ในภาคนี้เขาก็จ้างในอัตราที่สูงกว่าค่าแรงขั้นต่ำอยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลใดที่จะประวิงการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ
จากการสำรวจราคาอาหารเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2560 พบว่า เมื่อประเมินจากภาพรวมสะสม 5.5 ปี (พฤษภาคม 2555 - พฤศจิกายน 2560) ราคาอาหารจานด่วนทั่วไปตามร้านริมถนนเพิ่มจาก 31.0 บาท เป็น 47.1 บาท หรือเพิ่มขึ้น 47.1% และหากคิดเป็นการเพิ่มขึ้นต่อปี ก็เท่ากับเพิ่มขึ้นประมาณ 7.9% ต่อปี ซึ่งถือว่าสูงพอสมควร เพราะสูงกว่าอัตราภาวะเงินเฟ้อ ราคาอาหารล่าสุด ณ เดือนพฤศจิกายน 2560 คือเป็นเวลา 3.5 ปีหลังรัฐประหารเมื่อพฤษภาคม 2557 เพิ่มขึ้น 37.4% หรือเพิ่มขึ้นปีละ 9.5% ซึ่งถือว่าสูงขึ้นมากพอสมควร หากเทียบกับก่อนรัฐประหารในช่วงเดือนพฤษภาคม 2555-2557 ปรากฏว่าราคาอาหารเพิ่มขึ้นเพียง 10.7% หรือเพิ่มขึ้นปีละ 5.2% ต่ำกว่าช่วงหลังรัฐประหาร (https://goo.gl/YbZA6L)
บางคนอาจอ้างว่า ขึ้นค่าแรงไปก็ไร้ประโยชน์เพราะราคาสินค้าเพิ่มตาม ข้อดีอยู่ที่รัฐบาล ถ้ารัฐบาลเห็นแก่ประโยชน์ของประชาชนส่วนใหญ่ จะต้องใช้สรรพกำลังของรัฐ ควบคุมการกักตุนเก็งกำไรและจัดการลงโทษอย่างเคร่งครัด เพื่อไม่ให้เกิดการรักเอาเปรียบประชาชนจากการฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าขาดเหตุผล ถ้ารัฐบาลไม่เห็นแก่นายทุนใหญ่ ประชาชนส่วนใหญ่ก็จะมีความสุข
ดังนั้น ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำจากวันละ 300 บาท อีก 15-30% จึงเป็นสิ่งที่สมควรแล้ว