ดร.โสภณ ค้าน ดร.สมคิดวางแผนพัฒนาที่อยู่อาศัยให้เซ้งระยะยาว เป็นการคิดผิดๆ ทำร้ายเศรษฐกิจชาติ
ตามที่มีข่าว “แบงก์รัฐกดดอกเบี้ยเหลือ 2.75% ครม.ทุ่ม 4 พันล้านผุดบ้านคนจน เซ้งยาว 30 ปีจ่าย 3.5 แสนบาท” (http://bit.ly/2Dr5Bbm) ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) ขอวิพากษ์นโยบายดังกล่าว เพื่อประโยชน์ของทางราชการในการทบทวนนโยบายเพื่อประโยชน์สาธารณะ ดังนี้:
1. รัฐจะใช้ที่ราชพัสดุ 317 ไร่ สร้างที่อยู่อาศัยใหม่ 2,757 หน่วย หรือในพื้นที่ 1 ไร่มี 9 หน่วย นี่แสดงว่าการใช้ที่ดินขาดประสิทธิภาพ ในที่ 1 ไร่สามารถสร้างห้องพักได้นับร้อยหน่วย นี่ยังแสดงว่าการดูแลชุมชนคงขาดประสิทธิภาพ เพราะความหนาแน่นต่ำนั่นเอง และจะเป็นภาระของรัฐ เช่นที่การเคหะแห่งชาติเคยประสบต่อไป
2. ต้นทุนที่ 5,000 ล้านบาม สามารถสร้างที่อยู่อาศัยได้เพียง 2,757 หน่วย หรือเป็นเงินหน่วยละ 1.814 ล้านบาท ถ้ารวมต้นทุนที่ดินด้วยแล้ว อาจมีมูลค่าถึง 3 ล้านบาท เงินจำนวนนี้หากผ่อนชำระ ณ อัตราดอกเบี้ย 6% ก็จะเป็นเงินปีละ 180,000 บาทหรือเดือนละ 15,000 บาท การขายราคาต่ำกว่าทุนก็เท่ากับทำได้แค่จำนวนน้อยนิด คนที่ได้ไปก็คือพวกที่ได้เปรียบในสังคม (คงเน้นให้พวกข้าราชการก่อน)
3. การสร้างขึ้นมาก็จึงเป็นเพียงเพื่อให้เห็นว่าได้ทำอะไรบางอย่างเพื่อคนจนแต่ไร้ประสิทธิผลเพราะทำได้จำนวนน้อยนิด
4. หากนำเงิน 5,000 ล้านบาท (ยังไม่รวมค่าที่ดิน) ที่คิดจะลงทุนผิดๆ เช่นนี้ ไปฝากธนาคารไว้ ณ อัตราดอกเบี้ย 3% ก็จะได้ดอกผลเป็นเงินปีละ 150 ล้านบาท จะช่วยสนับสนุนคนจนจริงๆที่ไม่ใช่ข้าราชการเป็นเงินเดือนละ 2,500 บาทเป็นค่าเช่าบ้านโดยให้ไปเช่าในตลาดเปิด ก็จะสามารถสนับสนุนได้ถึง 5,000 หน่วยในหนึ่งปี มากกว่าที่ ดร.สมคิดคิดสร้างใหม่เกือบเท่าตัว
5. การสร้างใหม่ในราคาแพงแต่ให้เช่าถูกเกินจริงเช่นนี้ อาจทำให้รัฐบาลได้รับข้อคนหาเรื่อง “เงินทอน” จากการก่อสร้างให้ ดร.สมคิดจึงไม่ควรใช้เงินในลักษณะนี้เพราะอาจบั่นทอนเสถียรภาพของรัฐบาลโดยรวมนั่นเอง
โดยสรุปแล้วการอ้างว่าจะสร้างที่อยู่อาศัยให้คนจนแต่มักยกให้ข้าราชการอยู่อาศัย หรือมีเพียงบางส่วนให้ประชาชนจำนวนน้อยที่โชคดีจับฉลากได้ เป็นการสร้างความไม่เป็นธรรมแก่สังคม และช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยได้เพียงน้อยนิด แถมใช้ที่ดินยังไม่เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประเทศชาติ ไม่คุ้มค่าที่จะดำเนินการ ที่สำคัญอาจเป็นที่ครหาเรื่องเงินทอนจากการพัฒนาอีกด้วย รัฐบาลซึ่งมีความเปราะบางด้านภาพพจน์ถึงพึ่งระวังเป็นพิเศษในเรื่องนี้