วันนี้คอลัมน์อสังหาริมทรัพย์ของผมขอยกมาพูดเรื่องทรัพย์ แต่เป็น ‘สังหาริมทรัพย์’ หมายถึงประกาศสัมฤทธิบัตรหรือโล่ที่ตูนได้รับจาก ‘บันทึกไทย’ ว่าเป็นนักวิ่งคนแรกที่วิ่งจากเบตงถึงแม่สาย นี่คือกรณีศึกษาของใจที่ต้องเที่ยงธรรม
อนุสนธิจากที่มีข่าวดรามาบอกว่าครูพลาม พรมจำปา นักวิ่งคนที่สองในประวัติศาสตร์ (เมื่อปี 2548 และ 2558 ขณะที่นักวิ่งคนแรกคือครูไชยวัฒน์ วรเชฐวราวัตร ปี 2529) กล่าวว่า ตูน หรือนายอาทิวราห์ คงมาลัย ไม่ใช่ ฮีโร่คนแรก และถูกแฟนๆ ของตูน ‘ถล่มเละ’ ว่าครูพลามอิจฉาตูน จนกระทั่ง FB ของครูพลามถูก report จน ‘ปลิว’ หายไปเลย
อันที่จริง ครูพลามพูดถูกต้อง ตูนไม่ใช่ฮีโร่คนเดียว นี่ไม่ใช่คำอิจฉาแต่เป็นคำยกย่องว่าตูนเป็นฮีโร่ เพียงแต่มีคนวิ่งทำสถิติอย่างถูกต้องมาก่อนตูน จึงไม่ใช่เป็นฮีโร่เพียงคนเดียว แต่สื่อที่ไม่มีคุณภาพและ ‘โซเชียล’ ปั้นน้ำเป็นตัวที่แทนที่จะคืนความเป็นธรรมให้ครูพลามและครูไชยวัฒน์ที่วิ่งมาก่อน กลับถล่มครูพลามอย่างไม่ยั้ง มีรายการต่างๆ เชิญครูพลามไปถล่ม ครูพลามถือหนังสือที่ตนเคยเขียนไปแสดง ก็กลับถูกแค่นถามว่าเอาหนังสือมาขายหรือ
บางคนโจมตีถึงขนาดว่าครูพลาม ‘พล่าม’ บ้าง เป็นบ้าบ้างเพราะเอาโซ่มาคล้องคอ ข้อนี้ใครที่เคยดูรายการ ‘เป็นเรื่องเป็นข่าว’ เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน 2560 ครูพลามก็คล้องโซ่มาออกรายการ เพราะเป็นเรื่องการฝึก วิญญูชนฟังคำวิพากษ์ครูพลามอย่างนี้ ต้องมีใจที่มีปัญญามั่นคง ผมมองว่าเป็นแฟชั่นของแต่ละคนที่ควรมองข้าม เช่น ตูนก็มีรอยสักเต็มไปหมด ก็ถือเป็นสิทธิส่วนบุคคล เขาทำความดีก็ควรมองในแง่ดีมากกว่าเรื่องอื่น
ประเด็นอยู่ที่ตูนไปพูดในรายการเจาะใจเมื่อ 7 ตุลาคม 2560 ว่าอยากเป็นนักวิ่งคนแรก เพราะคงไม่ทราบว่ามีคนวิ่งมาก่อน จึงคงทำเรื่องไปที่บันทึกไทยเพื่อให้มาบันทึก ซึ่งตามระเบียบของบันทึกไทยก็ต้องให้ผู้ขอจ่ายค่าธรรมเนียมและจัดหาเครื่องมือและอำนวยความสะดวกให้ตลอดเส้นทาง อย่างไรก็ตามเรื่องบันทึกไทยให้รางวัลตูนนั้น ไม่ถูกต้องตามมาตรฐานที่สมควร:
1. บันทึกไทยบอกว่าต้องมีการกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน: สองคนก่อนเขาก็กำหนดเป้าหมายชัดเจน คนแรกวิ่งเพื่ออาหารกลางวันเด็ก คนที่สองก็วิ่งเพื่อหาเงินช่วยทหาร-ตำรวจบาดเจ็บจากความไม่สงบภาคใต้ เป็นข่าวไปทั่ว พวกเขายังเก็บหลักฐานไว้เลย
2. บันทึกไทยบอกว่าต้องวัดระยะจับเส้นทางด้วย GPS แต่สถิติระดับโลก หรือสถิติอื่นๆ ในเว็บ “บันทึกไทย” ก็ไม่เห็นต้องใช้ GPS เลย
3. บันทึกไทยบอกว่าต้องมีการเก็บหลักฐานด้วยภาพถ่าย วิดิโอ มีพยานบุคคลตลอดเส้นทาง ทั้งสองท่านก่อนก็มีครบทุกอย่างแต่ไม่มีความจำเป็นต้องถึงขนาด FBLive กระมัง
การยกย่องตูนเป็นสิ่งที่สมควร แต่ก็ควรให้เกียรติอีก 2 ท่านที่ทำมาก่อนและมีหลักฐานชัดเจนด้วย รวมทั้งทีมคุ้มกันตูนอีกจำนวนหนึ่งที่วิ่งไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าตูนเช่นกัน ที่ผ่านมาบันทึกไทยยังบันทึกว่าให้คนไทยคนหนึ่งเป็นคนแรกที่ขี่จักรยานข้ามทวีปเมื่อปี 2504 ไม่เห็นต้องใช้ GPS เลย แต่กรณีครูไชยวัฒน์ วิ่งตั้งแต่ปี 2529 และครูพลามวิ่งปี 2548 และ 2558 แถมทำสถิติได้ดีกว่าตูนโดยไม่ต้องมีรถบ้านสุดหรู ไม่มีการประคมประหงมอย่างดี มีหลักฐานมากมาย บันทึกไทยกลับไม่นำพาหรืออย่างไร ผู้บริหารบันทึกไทยทำอย่างนี้เป็นการขาดมาตรฐานไหม ทำองค์กรเสียหายหรือไม่ บันทึกไทยอาจมอบโล่ใหม่ว่าเป็นคนแรกนับแต่มี (บริษัท) บันทึกไทย เป็นต้น
ในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา ตอนแรกคนเข้าใจว่าอเมริโกเปนคนแรกที่พากองเรือไปพบทวีปอเมริกา ตอนหลังรู้ความจริงจึงประกาศว่าโคลัมบัสค้นพบก่อน หรือในปี 2503 มีคนขโมยทับหลังนารายณ์บรรทมสินธุ์ไป ตอนหลังรู้ความจริง จึงคืนไทยจากชิคาโก ใครๆ ก็รู้ว่าครูไชยวัฒน์วิ่งจากเบตงถึงแม่สายเป็นคนแรก ต่อมาก็ครูพลาม แถมวิ่งกลับอีกรอบ แต่กลับมีการมอบรางวัลให้ตูนทั้งที่รู้ความจริงไม่ใช่ของตูนอย่างนี้ถือเป็นการบิดเบือนประวัติศาสตร์ ทำลายขวัญและกำลังใจและไม่ให้เกียรติผู้อื่นหรือไม่
ในการวิ่งแบบนี้ ตูนก็คงได้รับการสนับสนุนจากรองเท้ายี่ห้อหนึ่ง มีกองคาราวานนับร้อยชีวิตคอยอำนวยความสะดวก วิ่งเสร็จได้ ‘บุญ ออนไลน์’ งานเข้ามากมาย ได้กำรี้กำไร มีทรัพย์ศฤงคาร ชื่อเสียงลาภสักการะ ซึ่งเป็นทรัพย์ที่สมควรได้ แต่ต่อโล่ที่บิดเบือนประวัติศาสตร์ ไม่ควรได้ คืนไปจะสง่างามยิ่งขึ้นครับ
จึงเรียนมาเพื่อสาธุชนโปรดพิจารณา
ปล. ไม่ได้อิจฉาตูนเพราะผมยอมรับและชื่นชมที่ตูนหล่อ หนุ่ม เก่งกว่าผมชัดเจน ไม่ได้อยากดังเพราะถ้าอยากดังจริงคงไปเชียร์ตูนกว่า ใครจะอยากให้ถูกด่า แต่เพื่อความเป็นธรรมในสังคม เรื่องเล็กๆ ยังบิดเบือนได้ เรื่องใหญ่จะเหลือหรือ?