จากผลการสำรวจภาคสนามทั่วกรุงเทพฯปริมณฑล ประจำเดือนมิถุนายนนี้ พบจำนวนโครงการเกิดใหม่รวมทั้งสิ้น 27 โครงการ และการเคลื่อนไหวการเปิดตัวโครงการอสังหาริมทรัพย์ยังคงเป็นการพัฒนาในกลุ่มที่อยู่อาศัยเป็นส่วนใหญ่ จำนวนหน่วยเปิดใหม่ในเดือนนี้รวมทั้งสิ้น 5,977 หน่วย มีมูลค่าโครงการรวม 20,405 ล้านบาท

ประเภท	จำนวนหน่วยขาย	% หน่วยขาย	มูลค่าโครงการ (ลบ.)	% มูลค่าโครงการ
บ้านเดี่ยว	900	15.1%	3,118	15.3%
บ้านแฝด	146	2.4%	360	1.8%
ทาวน์เฮ้าส์	1,421	23.8%	3,626	17.8%
อาคารพาณิชย์	0	0.0%	0	0.0%
อาคารชุด	3,176	53.1%	9,070	44.4%
ที่ดินจัดสรร	0	0.0%	0	0.0%
RE (อื่น ๆ)	334	5.6%	4,231	20.7%
รวม	5,977	100%	20,405	100%

          จากแผนภูมิที่ 1 พบว่าในเดือนนี้การพัฒนาที่อยู่อาศัยมีลักษณะเหมือนกับเดือนก่อนๆ ที่ผ่านมา คือมีการพัฒนาที่อยู่อาศัยประเภทอาคารชุดมากที่สุดจำนวน 3,176 หน่วย หรือประมาณ 53% ของจำนวนหน่วยขายทั้งหมด ส่วนการพัฒนาลำดับรองลงมาคือ ประเภททาวน์เฮ้าส์มีการพัฒนาอยู่จำนวน 1,421 หน่วย หรือประมาณ 24% ของจำนวนหน่วยขายทั้งหมด ส่วนอันดับ 3 ที่มีการพัฒนาคือประเภทบ้านเดี่ยว มีหน่วยขายจำนวน 900 หน่วย หรือประมาณ 15% ของจำนวนหน่วยขายทั้งหมด ซึ่งแสดงว่าที่อยู่อาศัยประเภทอาคารชุด โดยเฉพาะอาคารชุดตามแนวรถไฟฟ้าก็ยังไม่ได้ชะลอตัวลงมากนัก ซึ่งปัจจัยบวกประการหนึ่งที่จะทำให้อาคารชุดยังเป็นที่ต้องการอยู่ก็คือปัญหาราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นทุกวัน ผู้ซื้อบ้านส่วนหนึ่งจึงหันมาซื้ออาคารชุดตามแนวรถไฟฟ้าแทน เพื่อประหยัดค่าน้ำมันในการเดินทาง 

          และเมื่อพิจารณามูลค่ารวมของโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่เกิดใหม่ในเดือนมิถุนายนมีจำนวนทั้งสิ้น 20,405 ล้านบาท ซึ่งในเดือนนี้ลักษณะการพัฒนาจะเป็นการพัฒนาที่อยู่อาศัยระดับราคาปานกลางถึงค่อนข้างสูงเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะที่ระดับราคา 2-3 ล้านบาท และที่ระดับราคา 3-5 ล้านบาท มีการเปิดตัวเป็นจำนวนมาก ซึ่งมีหน่วยขายมากถึง 2,661 (45%) และ 3,176 (29%) ของจำนวนที่อยู่อาศัยที่เปิดขายทั้งหมดตามลำดับ ส่วนที่ระดับราคาไม่เกิน 2 ล้านบาทมีการเปิดตัวรวมจำนวนเพียง 1,048 หน่วย หรือประมาณ 18% ของจำนวนที่อยู่อาศัยที่เปิดขายทั้งหมด ซึ่งในจำนวนนี้มีที่อยู่อาศัยที่มีระดับราคาต่ำกว่า 0.501 ล้านบาทรวมอยู่ด้วยจำนวน 80 หน่วย หรือประมาณ 1% ของจำนวนที่อยู่อาศัยที่เปิดขายทั้งหมด