น้อยคนนักคงเมินที่จะไปยูกันดา แต่ผมไปมาแล้วครับ เลยมีเรื่อง "นินทา" มาเล่าให้ฟังเป็นการเปิดโลก เปิดวิสัยทัศน์ น่าสนใจไม่น้อย ลองดูนะครับ มาเทียบกับไทยๆ ของเราได้ครับ
ในฐานะที่ผมเป็นประธานศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) และผู้อำนวยการโรงเรียนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทย (www.trebs.ac.th) ได้รับเชิญจาก Kampala Capital City Authority (KCCA) หรือ "กทม." ของยูกันดา ให้ไปบรรยายเกี่ยวกับการประเมินค่าทรัพย์สินโดยวิธีสร้างแบบจำลองทางสถิติ (Computer-assisted Mass Appraial: CAMA) ณ กรุงกัมปาลา ประเทศยูกันดา ในโครงการความช่วยเหลือของธนาคารโลก จึงมีเรื่องสนุก ๆ มาเล่าให้ฟัง
ยูกันดาอยู่ทางตะวันออกของทวีปอาฟริกา มีชื่อเสีย(ง) ไม่ดีที่มีนายพลอีดี้ อามินสั่งฆ่าคนราวผักปลา (http://bit.ly/2AjNRgg) เป็นจอมโหดผู้ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ และอีกเรื่องที่รู้กันก็คือกรณีการชิงตัวประกัน ณ สนามบินเอ็นเทบเบ (http://bit.ly/2syJ8rC) อันก้องโลก แต่เดี๋ยวนี้เริ่มมีทัวร์คนไปเที่ยวยูกันดากันบ้างแล้ว แต่ตั้งแต่เดินทางไป ผมเจอคนไทยเพียงคนเดียว เป็นกุ๊กในร้านอาหารไทย (แต่เป็นของอินเดีย) ท่านเคยเป็นกุ๊กอยู่ดูไบ แต่ไดัรับเชิญมาที่นี่ นัยว่ารายได้ดีกว่าอยู่ประเทศไทย เพราะมีฝีมือนั่นเอง
ยูกันดามีขนาดประมาณ 42% ของประเทศไทย มีประชากรเกือบ 40 ล้านหรือราว 58% ของประเทศไทย คนที่นี่นับถือศาสนาคริสต์ 84% โดยเป็นโปรเตสแตนท์ 45% และคาธอลิก 39%) เป็นมุสลิม 14% ที่นี่เคยเป็นอาณานิคมของอังกฤษ เลยพูดภาษาอังกฤษได้ปร๋อ เก่งกว่าผมซะอีก เข้าไปในสลัมเขาก็พูดภาษาอังกฤษกัน สำเนียงก็ดี น่าจะเชิญมาทำงานเป็นครูสอนภาษาอังกฤษได้ อันที่จริงมีหลายประเทศในอาฟริกา พูดภาษาอังกฤษได้ชัดเจน ชัดถ้อยชัดคำ ถูกหลักภาษากว่าชาวฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ หรือมาเลเซียเสียอีก!
ที่เหลือเชื่อคืออายุเฉลี่ยของประชากรคือ 16 ปี เพราะราว 48% มีอายุไม่เกิน 14 ปี มีเพียง 5% ที่มีอายุเกิน 55 ปีขึ้นไป ในขณะที่ไทยมีอายุเฉลี่ย 38 ปี โดยมีเด็กอายุไม่เกิน 14 ปีเพียง 17% และมีอายุเกิน 55 ปีถึง 23% เข้าไปแล้ว ประชากรยูกันดามีอายุขัย 56 ปี แต่คนไทยมีอายุขัย 76 ปี ในขณะที่ไทยมีจำนวนประชากรเพิ่มปีละ 0.3% ยูกันดาเพิ่มถึง 3% ต่อปี เรียกว่ายิ่งจนยิ่งเกิดมากนั่นเอง คนไทยเป็นเอดส์แค 16,000 คน แต่ชาวยูกันดาเป็นเอดส์ถึง 1.4 ล้านคน
ขนาดเศรษฐกิจไทยใหญ่กว่ายูกันดาถึง 14 เท่า แต่อัตราการเจิญเติบโตทางเศรษฐกิจของยูกันดาสูงกว่าไทยคคือ 4.4% เทียบกับ 3.7% ของไทย และมีแนวโน้มว่าเศรษฐกิจยูกันดาอยู่ในช่วงขาขึ้น รายได้ประชาชาติต่อห้วของไทยตกที่ 590,000 บาทต่อปี ในขณะที่ยูกันดาอยู่ที่เพียง 80,000 บาทต่อปี หรือคนไทยรวยกว่ายูกันดาถึง 7 เท่าเศษๆ เรียกว่าถ้าเป็นคนไทยไปที่นั่นเขาถือว่าเป็น "เสี่ย"
ยูกันดามีคนว่างงานเพียง 9.4% ในขณะที่ไทยมีเพียง 0.7% เท่านั้น คนไทยที่ยากจนข้นแค้นมี 7.2% ในขณะที่คนยูกันดามีถึง 19.7% งบประมาณแผ่นดินเป็นเงินปีละ 174,000 ล้านบาท ในขณะที่ไทยสูงถึง 3 ล้านล้านบาท หรือน้อยกว่าไทยถึง 17 เท่าเลยทีเดียว สินค้าออกของยูกันดาส่วนมากเป็นสินค้าเกษตร เช่น กาแฟ ปลา สินค้าจากปลา ชา ผ้าฝ้าย ดอกไม้ ทอง และอื่น ๆ โดยส่งออกไปเคนยา 21% ยูเออี 11% รวันดา 10% คองโก 9% และอิตาลี 5%
ประชากรในกรุงกัมปาลาในเวลากลางคืนมีเกือบ 2 ล้านคน แต่ในเวลากลางวันมีเกือบ 4 ล้านคน ทั้งนี้เพราะการเดินทางเข้ามาทำงานในเมือง ทำให้การจราจรติดขัดเป็นอย่างมาก ดอกเบี้ยเงินกู้เมื่อ 3 ปีก่อนเคยสูงถึง 26% ต่อปี แต่ปัจจุบันเศรษฐกิจค่อยๆ มั่นคงดีขึ้น จึงเหลือเพียงประมาณ 15% ในขณะที่อัตราดอกเบี้ยเงินฝาก 6% หรืออาจสูงกว่านี้หากฝากเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกา ที่ดินราคาแพงๆ ใจกลางเมือง สูงถึงตารางวาละ 228,000 บาท ส่วนพื้นที่อาคารสำนักงานชั้น 1 ก็ตกเป็นเงินตารางเมตรละ 600 บาท
ประเทศนี้มีกาสิโนอยู่เป็นจำนวนมาก แต่ประชากรส่วนมากก็ไม่ได้เล่น มีที่เล่นการพนันอยู่ราว 1/4 แต่ส่วนมากเป็นการพนันในรูปแบบบ้านๆ อื่น ๆ ที่เข้ากาสิโนเป็นเพียงส่วนน้อยมาก (0.3%) (http://bit.ly/2odnZxK) ทั้งนี้คงเป็นเพราะต้องเป็นผู้ที่มีฐานะพอสมควรจึงจะเข้ากาสิโนได้ แต่ผู้เล่นจำนวนมากเป็นชาวต่างชาติ นักลงทุน และนักท่องเที่ยว ข้อที่ห่วงว่าหากมีการเปิดกาสิโนมาก จะส่งผลต่อประชาชนโดยรวมจึงไม่ต้องห่วง แต่ทุกวันนี้ไทยเรามีบ่อนมากมาย ถ้าหากสามารถทำให้ถูกกฎหมายได้ คงได้เงินเข้าหลวงมาพัฒนาประเทศเป็นอันมาก
ประเทศนี้ห้ามใครเป็นพวกลักเพศ ไม่ว่าจะเป็นทอม แต๋ว ตุ๊ด เสือไบ หรือรวมๆ เรียกว่าพวก LGBT (Lesbian, Gay, Bisexual, and Transgender) เพราะถือว่าผิดกฎหมาย เป็นความอัปยศของชาติ ผิดศีลธรรมอย่างร้ายแรง คนที่แสดงออกและถูกจับได้ จะต้องติดคุกถึง 7 ปี อย่างไรก็ตามมีกาารประมาณการว่า ยูกันดามีพวกลักเพศอยู่ราว 500,000 คน (http://bit.ly/2gbqTka) แต่เท่าที่ผมไปพบมา ก็มีพวกนี้ให้เห็นบ้างประปราย แต่ไม่ "ซ่าส์" เท่าในประเทศไทย ในทางตรงกันข้ามออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา และหลายประเทศตะวันตกก็อนุญาตให้คนเหล่านี้แต่งงานกันเองได้แล้ว
ประชาชนชาวยูกันดานั้น ดูเป็นคนใจดี มีน้ำใจ มีความยึดมั่นในศาสนาค่อนข้างสูง ขนาดยาม หรือ ร.ป.ภ. ที่นั่งเฝ้าโรงแรมอยู่ ยังเอาคัมภีร์ไบเบิลมาอ่านเลย ผมเข้าไปในชุมชนแออัด ประชาชนก็คุยกันด้วยดี ประเภทคนมาคุกคาม หาไม่ได้จริงๆ แม้ยูกันดาจะยากจน แต่มีชนบทอันค่อนข้างอุดมสมบูรณ์ จึงไม่ได้มีคนนอนข้างถนนมากมายแบบอินเดีย การดิ้นรนแบบ "ด้านได้อายอด" ที่เราเห็นกันมากมายในอินเดีย เวียดนาม จีนและอื่นๆ หาได้ยากในยูกันดา
ในกรุมกัมปาลา รถประจำทางมีน้อยมาก มีรถแท็กซี่ที่เหมาเรียกไปในเส้นทางเดียวกันโดยไม่ประจำทาง จักรยานยนต์รับจ้างมีเป็นจำนวนมากในยูกันดา แต่ค่อนข้างอันตรายและยังไม่มีการใส่ "เสื้อวิน" วิ่งกันเปะปะสับสนไปหมด จักรยานยนต์ส่วนมากยังมาจากอินเดีย ขายกันคันละประมาณ 40,000 บาท คนที่ซื้อไปก็นำมาวิ่งรับผู้โดยสาร สามารถคืนทุนได้ภายในเวลา 15 เดือน
ปัญหาหนึ่งของยูกันดาก็คือการมีระบบราชการที่เทอะทะใหญ่โต เช่น มี ส.ส.ถึง 500 คน เท่าๆ กับไทยเลย (แต่คงไม่มีพนักงานเทกระโถนอีกคนละ 5-6 คนเช่นไทย) ยังมีคณะกรรมการต่าง ๆ มีรัฐมนตรี ผู้เทียบเท่ารัฐมนตรี ทูต ฯลฯ เอาเงินไปในการจ้างข้าราชการประจำเป็นจำนวนมาก แถมข้าราชการแทบทุกรระดับมีการทุจริตไม่มากก็น้อย ว่ากันว่าการทุจริตเป็นเงินรวมกันถึงประมาณ 100,000 ล้านบาทต่อปี หรือมากกว่าครึ่งหนึ่งของงบประมาณแผ่นดินยูกันดา ต่อไปไทยอาจเป็นแบบนี้ขืนให้ คสช. อยู่ต่อไปอีก 20 ปี พวกข้าราชการคงรากงอกกันใหญ่
นี่แหละครับ ประเทศยิ่งยากจน ก็ยิ่งถูกพวกข้าราชการ "สูบเลือด" ไปจากประชาชนอย่างน่าสงสาร