ประเทศอื่นๆ เขาจัดเก็บภาษีในกรณีที่ต่างชาติมาซื้อบ้านหรือห้องชุดสูงมาก แต่ไทยไม่ต้องเสียภาษีใด ๆ เลย เรากำลังขายชาติอยู่ใช่ไหม
ในระหว่างที่ ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) ในฐานะกรรมการ ARENA (ASEAN Real Estate Network Alliance) ซึ่งเป็นองค์กรพันธมิตรด้านนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ในอาเซียน และประธานก่อตั้งมูลนิธิประเมินค่าทรัพย์สินแห่งประเทศไทย (www.thaiappraisal.org) ได้รับเชิญให้ไปร่วมงาน MAREC (Malaysian Annual Real Estate Convention) ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ในระหว่างวันที่ 1-4 มีนาคม 2561 นั้น ดร.โสภณ ได้พบกับนายกสมาคมนายหน้าหลายประเทศพบว่า
1. ถ้าต่างชาติซื้อบ้านในออสเตรเลีย จะซื้อได้แต่บ้านใหม่ ห้ามซื้อบ้านมือสองเพราะจะเป็นการสร้างความปั่นป่วนในตลาด และต้องเสียภาษีที่ 10% ของราคาบ้านแก่ทางรัฐบาล
2. ถ้าเป็นในสิงคโปร์ เขาเก็บภาษีกับต่างชาติผู้ซื้อห้องชุดในสิงคโปร์ถึง 15% ของราคาขาย แต่ก่อนเป็นแค่ 10% แต่ไม่อาจหยุดยั้ง/ควบคุมการซื้อของชาวต่างชาติได้ เลยขึ้นเป็น 15%
3. แต่ในกรณีฮ่องกง เขาเก็บภาษีกับต่างชาติที่มาซื้ออสังหาริมทรัพย์ในฮ่องกงถึง 30% เลยทีเดียว เพื่อป้องกันการเก็งกำไรของชาวต่างชาติ
4. ในมาเลเซีย มีการควบคุมการพัฒนาอาคารชุดใจกลางเมืองอีกด้วย เพราะเป็นสินค้าที่ชาวต่างชาติซื้อได้และนิยมซื้อ เพื่อป้องกันการปั่นราคาหรือเข้ามาเก็งกำไรระยะสั้นโดยชาวต่างชาติ นอกจากนี้ยังมีการควบคุมการอำนวยสินเชื่อ เช่น ถ้าซื้อบ้านหลังที่ 3 ขึ้นไป แม้แต่ชาวมาเลย์เองก็จะสามารถกู้เงินได้ไม่เกิน 70% ของราคาประเมินเท่านั้น
นอกจากนี้ในแต่ละประเทศยังมีระบบภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง แต่ไทยเราไม่มี ดังนั้นต่างชาติมาซื้อทรัพย์ในไทยก็เหมือนได้เปล่า เพราะหากเราไปซื้อบ้านในอังกฤษ หรือสหรัฐอเมริกา กลับต้องเสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในอัตราสูงๆ นี่ก็เท่ากับไทยเรากำลังขายชาติอยู่นั่นเอง เหตุที่เรากำลังขายชาติก็เพราะคนรวยๆ ในไทยไม่ต้องการเสียภาษี จึงไม่ผลักดันให้เกิดระบบภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ประจวบกับอยากขายที่ดิน ห้องชุด และอสังหาริมทรัพย์อื่นๆ ให้ต่างชาติเพื่อเอาเงินเข้ากระเป๋าตัวเองสถานเดียว