มาตรวจสอบดูการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยของบริษัทมหาชนในตลาดหลักทรัพย์กับบริษัท “มหานาค” นอกตลาด (อยู่ตลาดหลักสี่)
ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) วิเคราะห์ข้อมูลโครงการที่อยู่อาศัยในตลาดปัจจุบัน โดยเฉพาะหน่วยขาย 195,227 หน่วยที่ยังเหลือขายอยู่ในปัจจุบันว่าเป็นของบริษัทกลุ่มใดมากที่สุด ระหว่างบริษัทมหาชนในตลาดหลักทรัพย์และบริษัทในเครือ และบริษัทนอกตลาด ตลอดจนผู้ประกอบการรายย่อยทั่วไป
จากข้อมูลข้างต้นชี้ให้เห็นว่าในจำนวนที่อยู่อาศัยจำนวน 195,227 หน่วยที่ยังขอรายอยู่ในตลาด ณ สิ้นปี 2560 นั้น ปรากฏว่าเป็นของบริษัทมหาชนและบริษัทในเครือถึง 68% ส่วนที่เหลือ 32% อยู่ในมือของบริษัทนอกตลาดและบริษัทขนาดเล็กทั่วไป ถ้าคิดในแง่ของมูลค่าจะพบว่า บริษัทในตลาดและบริษัทในเครือถือครองอยู่ถึง 71% ของมูลค่าทั้งหมด คือ 557,093 ล้านบาท จากทั้งหมด 779,478 ล้านบาทที่ยังรอขายอยู่ในตลาด มูลค่าและจำนวนทรัพย์สินนี้เท่ากับประมาณว่ากว่าจะขายหมดต้องใช้เวลาราว 20 เดือนโดยไม่ต้องเปิดโครงการใหม่เลยทีเดี่ยว
สินค้าของบริษัทมหาชนและบริษัทในเครือมีราคาสูงกว่าคือ 4.22 ล้านบาท ในขณะที่บริษัทนอกตลาดผลิตในราคาเฉลี่ย 3.517 ล้านบาท แม้บริษัทมหาชนจะมีเหลือขายมากกว่า แต่หากพิจารณาจากการเปิดตัวใหม่ในปี 2560 จะพบว่าบริษัทมหาชนเปิดขายถึง 78% ของจำนวนทั้งหมด แสดงว่าสินค้าของบริษัทมหาชนขายได้ดีกว่า จึงหมดไปก่อน ส่วนที่เหลือจึงมีสัดส่วนเพียงสองในสามเท่านั้น
บริษัทมหาชนในปัจจุบันมีต้นทุนทางการเงินที่ถูกกว่าบริษัทนอกตลาดเป็นอย่างมาก อย่างหุ้นกู้ก็มีอัตราดอกเบี้ยเพียง 3.0-3.5% ในขณะที่การกู้เงินสถาบันการเงินต้องมีภาระดอกเบี้ยถึง 6-7% ทำให้บริษัทมหาชนพัฒนากิจการต่าง ๆ ได้มากกว่า อย่างไรก็ตามบริษัทขนาดเล็กนอกตลาดที่เป็น “มืออาชีพ” ก็ยังสามารถดำเนินการได้ดีพอสมควรเช่นกัน ทั้งนี้ปัจจัยสำคัญประการหนึ่งก็คือการเลือกทำเลและตั้งราคาที่เหมาะสมนั่นเอง
แนวโน้มข้างหน้าจะมีบริษัทมหาชนเข้าตลาดมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ