ดร.โสภณ เปิดเผยถึง "หลุมดำ" ทำเลอันตรายสำหรับการพัฒนาที่อยู่อาศัยในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยแยกออกเป็นทำเลๆ ตามพื้นฐานของเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล
ทำเล ประเภทที่อยู่อาศัยและระดับราคาที่ขายยาก โปรดสังวร | ||||||
ทำเล | ประเภท | ระดับราคา (ล้าน) | รวม | ขายแล้ว | เหลือ | อัตราการขาย/เดือน |
A1: นวนคร-คลองรพีพัฒน์ | ตึกแถว | 2.001-3.000 | 256 | 75 | 181 | 0.49% |
บ้านเดี่ยว | 5.001-10.000 | 101 | 0 | 101 | 0.00% | |
A2: บางขัน-คลองหลวง | ทาวน์เฮาส์ | 2.001-3.000 | 287 | 15 | 272 | 0.52% |
A5: รังสิต-คลอง 7-16 | ทาวน์เฮาส์ | 1.001-2.000 | 733 | 304 | 429 | 0.36% |
B4: ชินเขต-ท่าทราย | ห้องชุด | 1.001-2.000 | 729 | 286 | 443 | 0.46% |
D6: นวมินทร์ | ห้องชุด | 0.500-1.000 | 1260 | 1104 | 156 | 0.30% |
E2: นิมิตใหม่ | ทาวน์เฮาส์ | 1.001-2.000 | 478 | 228 | 250 | 0.34% |
E3: หนองจอก | บ้านเดี่ยว | 2.001-3.000 | 139 | 41 | 98 | 0.57% |
H8: บางนา-ตราด กม.10-30 | ที่ดินจัดสรร | 1.001-2.000 | 121 | 77 | 44 | 0.23% |
2.001-3.000 | 869 | 365 | 504 | 0.28% | ||
H9: บางนา-ตรมด กม. 30 ขึ้นไป | ที่ดินจัดสรร | 3.001-5.000 | 300 | 215 | 85 | 0.26% |
บ้านเดี่ยว | 5.001-10.000 | 113 | 102 | 11 | 0.33% | |
J1: ป้อมพระจุล | ทาวน์เฮาส์ | 2.001-3.000 | 433 | 59 | 374 | 0.52% |
K1: พระรามที่ 2 กม.1-10 | บ้านแฝด | 5.001-10.000 | 104 | 1 | 103 | 0.03% |
บ้านเดี่ยว | >20.000 | 179 | 36 | 143 | 0.59% | |
K3: มหาชัย-เศรษฐกิจ | ตึกแถว | 2.001-3.000 | 124 | 9 | 115 | 0.26% |
M1: ตลิ่งชัน | ที่ดินจัดสรร | 3.001-5.000 | 190 | 167 | 23 | 0.31% |
N1: พระรามที่ 5 - บางกรวย | ตึกแถว | 3.001-5.000 | 150 | 8 | 142 | 0.44% |
N4: บางบัวทอง | บ้านเดี่ยว | 2.001-3.000 | 486 | 280 | 206 | 0.38% |
N7: ลาดหลุมแก้ว | บ้านเดี่ยว | 2.001-3.000 | 289 | 167 | 122 | 0.40% |
ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) |
ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) เปิดเผยว่าทำเลประเภทบ้านและดับราคาที่ต้องใส่ใจเป็นพิเศษเพระขายได้ช้า มีดังต่อไปนี้:
ทำเล A1: นวนคร-คลองรพีพัฒน์ สินค้าที่ขายยากก็คือ ตึกแถว ที่ขายในระดับราคาประมาณ 2.001-3.000 ล้านบาทต่อหน่วย โดยมีทั้งหมดอยู่ราว 256 หน่วย ณ สิ้นปี 2560 ขายได้จำนวน 75 หน่วย ยังเหลือขายอีก 181 หน่วย หรือขายได้เพียงเดือนละ 0.49% ถือว่าขายได้ค่อนข้างน้อย ทั้งนี้คงเป็นเพราะเป็นตึกแถวในทำเลที่ไม่ดีนัก ราคาจึงย่อมเยา แต่กลับขายได้ยาก
ทำเล A1: นวนคร-คลองรพีพัฒน์ สินค้าที่ขายยากก็คือ บ้านเดี่ยว ที่ขายในระดับราคาประมาณ 5.001-10.000 ล้านบาทต่อหน่วย โดยมีทั้งหมดอยู่ราว 101 หน่วย ณ สิ้นปี 2560 ขายได้จำนวน 0 หน่วย ยังเหลือขายอีก 101 หน่วย หรือขายได้เพียงเดือนละ 0.00% นับว่าขายไมได้เลย ทั้งนี้คงเป็นเพราะตั้งราคาสินค้าสูงเกินไปในทำเลที่อาจมีความสามารถในการซื้อจำกัด
ทำเล A2: บางขัน-คลองหลวง สินค้าที่ขายยากก็คือ ทาวน์เฮาส์ ที่ขายในระดับราคาประมาณ 2.001-3.000 ล้านบาทต่อหน่วย โดยมีทั้งหมดอยู่ราว 287 หน่วย ณ สิ้นปี 2560 ขายได้จำนวน 15 หน่วย ยังเหลือขายอีก 272 หน่วย หรือขายได้เพียงเดือนละ 0.52% ถือว่าขายได้ค่อนข้างน้อย ทั้งนี้คงเป็นเพราะเป็นสินค้าที่มีราคาสูงกว่าทั่วไปในพื้นที่นี้
ทำเล A5: รังสิต-คลอง 7-16 สินค้าที่ขายยากก็คือ ทาวน์เฮาส์ ที่ขายในระดับราคาประมาณ 1.001-2.000 ล้านบาทต่อหน่วย โดยมีทั้งหมดอยู่ราว 733 หน่วย ณ สิ้นปี 2560 ขายได้จำนวน 304 หน่วย ยังเหลือขายอีกถึง 429 หน่วย หรือขายได้เพียงเดือนละ 0.36% ถือว่าขายได้น้อย ทั้งนี้คงเป็นเพราะยังอยู่ในทำเลที่ตั้งอยู่ห่างไกลเป็นพิเศษ
ทำเล B4: ชินเขต-ท่าทราย สินค้าที่ขายยากก็คือ ห้องชุด ที่ขายในระดับราคาประมาณ 1.001-2.000 ล้านบาทต่อหน่วย โดยมีทั้งหมดอยู่ราว 729 หน่วย ณ สิ้นปี 2560 ขายได้จำนวน 286 หน่วย ยังเหลือขายอีก 443 หน่วย หรือขายได้เพียงเดือนละ 0.46% ถือว่าขายได้ค่อนข้างน้อย ทั้งนี้คงเป็นเพราะสินค้านี้ยังออกแบบได้ไม่เหมาะสมกับความต้องการนัก
ทำเล D6: นวมินทร์ สินค้าที่ขายยากก็คือ ห้องชุด ที่ขายในระดับราคาประมาณ 0.500-1.000 ล้านบาทต่อหน่วย โดยมีทั้งหมดอยู่ราว 1260 หน่วย ณ สิ้นปี 2560 ขายได้จำนวน 1104 หน่วย ยังเหลือขายอีก 156 หน่วย หรือขายได้เพียงเดือนละ 0.30% ถือว่าขายได้น้อย ทั้งนี้คงเป็นเพราะคุณภาพของสินค้าอาจยังไม่เหมาะสมนัก
ทำเล E2: นิมิตใหม่ สินค้าที่ขายยากก็คือ ทาวน์เฮาส์ ที่ขายในระดับราคาประมาณ 1.001-2.000 ล้านบาทต่อหน่วย โดยมีทั้งหมดอยู่ราว 478 หน่วย ณ สิ้นปี 2560 ขายได้จำนวน 228 หน่วย ยังเหลือขายอีก 250 หน่วย หรือขายได้เพียงเดือนละ 0.34% ถือว่าขายได้น้อย ทั้งนี้คงเป็นเพราะเป็นเพราทำเลที่ตั้งที่อาจไม่เหมาะสม
ทำเล E3: หนองจอก สินค้าที่ขายยากก็คือ บ้านเดี่ยว ที่ขายในระดับราคาประมาณ 2.001-3.000 ล้านบาทต่อหน่วย โดยมีทั้งหมดอยู่ราว 139 หน่วย ณ สิ้นปี 2560 ขายได้จำนวน 41 หน่วย ยังเหลือขายอีก 98 หน่วย หรือขายได้เพียงเดือนละ 0.57% ถือว่าขายได้ค่อนข้างน้อย ทั้งนี้คงเป็นเพราะคงตั้งอยู่ห่างไกรเกินไปนั่นเอง
ทำเล H8: บางนา-ตราด กม.10-30 สินค้าที่ขายยากก็คือ ที่ดินจัดสรร ที่ขายในระดับราคาประมาณ 1.001-2.000 ล้านบาทต่อหน่วย โดยมีทั้งหมดอยู่ราว 121 หน่วย ณ สิ้นปี 2560 ขายได้จำนวน 77 หน่วย ยังเหลือขายอีกเพียง 44 หน่วย หรือขายได้เพียงเดือนละ 0.23% ถือว่าขายได้น้อย ทั้งนี้คงเป็นเพราะไม่ใช่สินค้ายอดนิยม
ทำเล H8: บางนา-ตราด กม.10-30 สินค้าที่ขายยากก็คือ ที่ดินจัดสรร ที่ขายในระดับราคาประมาณ 2.001-3.000 ล้านบาทต่อหน่วย โดยมีทั้งหมดอยู่ราว 869 หน่วย ณ สิ้นปี 2560 ขายได้จำนวน 365 หน่วย ยังเหลือขายอีกถึง 504 หน่วย หรือขายได้เพียงเดือนละ 0.28% ถือว่าขายได้น้อย ทั้งนี้คงเป็นเพราะเป็นสินค่าที่ไม่มีในตลาด สถาบันการเงินไม่สนับสนุน
ทำเล H9: บางนา-ตราด กม. 30 ขึ้นไป สินค้าที่ขายยากก็คือ ที่ดินจัดสรร ที่ขายในระดับราคาประมาณ 3.001-5.000 ล้านบาทต่อหน่วย โดยมีทั้งหมดอยู่ราว 300 หน่วย ณ สิ้นปี 2560 ขายได้จำนวน 215 หน่วย ยังเหลือขายอีก 85 หน่วย หรือขายได้เพียงเดือนละ 0.26% ถือว่าขายได้น้อย ทั้งนี้คงเป็นเพราะราคาสูงเกินไป
ทำเล H9: บางนา-ตราด กม. 30 ขึ้นไป สินค้าที่ขายยากก็คือ บ้านเดี่ยว ที่ขายในระดับราคาประมาณ 5.001-10.000 ล้านบาทต่อหน่วย โดยมีทั้งหมดอยู่ราว 113 หน่วย ณ สิ้นปี 2560 ขายได้จำนวน 102 หน่วย ยังเหลือขายอีกเพียง 11 หน่วย หรือขายได้เพียงเดือนละ 0.33% ถือว่าขายได้น้อย ทั้งนี้คงเป็นเพราะราคาสูงเกินจริง
ทำเล J1: ป้อมพระจุล สินค้าที่ขายยากก็คือ ทาวน์เฮาส์ ที่ขายในระดับราคาประมาณ 2.001-3.000 ล้านบาทต่อหน่วย โดยมีทั้งหมดอยู่ราว 433 หน่วย ณ สิ้นปี 2560 ขายได้จำนวน 59 หน่วย ยังเหลือขายอีกถึง 374 หน่วย หรือขายได้เพียงเดือนละ 0.52% ถือว่าขายได้ค่อนข้างน้อย ทั้งนี้คงเป็นเพราะอาจไม่เหมาะกับพื้นที่ที่อยู่ห่างไกล
ทำเล K1: พระรามที่ 2 กม.1-10 สินค้าที่ขายยากก็คือ บ้านแฝด ที่ขายในระดับราคาประมาณ 5.001-10.000 ล้านบาทต่อหน่วย โดยมีทั้งหมดอยู่ราว 104 หน่วย ณ สิ้นปี 2560 ขายได้จำนวน 1 หน่วย ยังเหลือขายอีก 103 หน่วย หรือขายได้เพียงเดือนละ 0.03% ถือว่าขายได้น้อยมากหรือแทบไม่ได้เลย ทั้งนี้คงเป็นเพราะการตั้งราคาที่สูงเกินจริง
ทำเล K1: พระรามที่ 2 กม.1-10 สินค้าที่ขายยากก็คือ บ้านเดี่ยว ที่ขายในระดับราคาประมาณ >20.000 ล้านบาทต่อหน่วย โดยมีทั้งหมดอยู่ราว 179 หน่วย ณ สิ้นปี 2560 ขายได้จำนวน 36 หน่วย ยังเหลือขายอีก 143 หน่วย หรือขายได้เพียงเดือนละ 0.59% ถือว่าขายได้ค่อนข้างน้อย ทั้งนี้คงเป็นเพราะการตั้งราคาที่สูงเกินจริงเมื่อเทียบกับบ้านเดี่ยวในระดับเดียวกัน
ทำเล K3: มหาชัย-เศรษฐกิจ สินค้าที่ขายยากก็คือ ตึกแถว ที่ขายในระดับราคาประมาณ 2.001-3.000 ล้านบาทต่อหน่วย โดยมีทั้งหมดอยู่ราว 124 หน่วย ณ สิ้นปี 2560 ขายได้จำนวน 9 หน่วย ยังเหลือขายอีก 115 หน่วย หรือขายได้เพียงเดือนละ 0.26% ถือว่าขายได้น้อย ทั้งนี้คงเป็นเพราะเป็นตึกแถวในทำเลที่ไม่ดีนัก ราคาจึงย่อมเยา แต่กลับขายได้ยาก
ทำเล M1: ตลิ่งชัน สินค้าที่ขายยากก็คือ ที่ดินจัดสรร ที่ขายในระดับราคาประมาณ 3.001-5.000 ล้านบาทต่อหน่วย โดยมีทั้งหมดอยู่ราว 190 หน่วย ณ สิ้นปี 2560 ขายได้จำนวน 167 หน่วย ยังเหลือขายอีกเพียง 23 หน่วย หรือขายได้เพียงเดือนละ 0.31% ถือว่าขายได้น้อย ทั้งนี้คงเป็นเพราะสถาบันการเงินไม่ค่อยอำนวยสินเชื่อให้กับการซื้อที่ดินเปล่า
ทำเล N1: พระรามที่ 5 - บางกรวย สินค้าที่ขายยากก็คือ ตึกแถว ที่ขายในระดับราคาประมาณ 3.001-5.000 ล้านบาทต่อหน่วย โดยมีทั้งหมดอยู่ราว 150 หน่วย ณ สิ้นปี 2560 ขายได้จำนวน 8 หน่วย ยังเหลือขายอีก 142 หน่วย หรือขายได้เพียงเดือนละ 0.44% ถือว่าขายได้ค่อนข้างน้อย ทั้งนี้คงเป็นเพราะทำเลไกลเกินไป
ทำเล N4: บางบัวทอง สินค้าที่ขายยากก็คือ บ้านเดี่ยว ที่ขายในระดับราคาประมาณ 2.001-3.000 ล้านบาทต่อหน่วย โดยมีทั้งหมดอยู่ราว 486 หน่วย ณ สิ้นปี 2560 ขายได้จำนวน 280 หน่วย ยังเหลือขายอีก 206 หน่วย หรือขายได้เพียงเดือนละ 0.38% ถือว่าขายได้น้อย ทั้งนี้คงเป็นเพราะทำเลที่อยู่ห่างออกไปเกินไป
ทำเล N7: ลาดหลุมแก้ว สินค้าที่ขายยากก็คือ บ้านเดี่ยว ที่ขายในระดับราคาประมาณ 2.001-3.000 ล้านบาทต่อหน่วย โดยมีทั้งหมดอยู่ราว 289 หน่วย ณ สิ้นปี 2560 ขายได้จำนวน 167 หน่วย ยังเหลือขายอีก 122 หน่วย หรือขายได้เพียงเดือนละ 0.40% ถือว่าขายได้น้อย ทั้งนี้คงเป็นเพราะคงตั้งอยู่ห่างไกรเกินไปนั่นเอง
ในทำเลเหล่านี้การขายค่อนข้างอืด ขายได้ช้า ผู้ประกอบการและผู้ซื้อพึงสังวร