คนทุกคนย่อมอยากเป็นไท อาจมีเพียงคนหยิบมือเดียวที่ยอมเป็นทาส อย่าเหมารวมว่ามีคนมากหลายที่อยากเป็นทาส อย่าส่งเสริมแนวคิดกดคนลงเป็นทาสหรือนิยมระบอบทาส
ในละคร "บุพเพสันนิวาส" ตอนหนึ่ง (https://bit.ly/2pNtqUR) มีความว่ามีคนมาขายตัวเป็นทาสที่เรือนของออกญาโหราธิบดีมากมาย โดยสามสี่วันที่ผ่านมาคุณหญิงจำปาได้ซื้อทาสไว้ร่วมสิบคนและไม่ซื้ออีก สาเหตุที่มาขายตัวเพราะอยากได้มุ้ง!?! (ตามที่แม่หญิงการะเกดแจกแก่ทาสไปคนละหลัง) และออกญาโหราธิบดีจึงพูดว่าคงเป็นเพราะพวกนี้ไม่อยากสักเลก ไม่อยากเสียส่วย มีอยู่หลายนะที่เป็นพวกขี้เกียจ เป็นทาสอยู่ตามบ้านสบายกว่า มีข้าวกินทุกมื้อ ไม่ต้องกลัวอด
ข้อนี้เป็นการนำเสนอให้คนยอมลดตนเป็นทาส หรือให้ยอมรับระบอบทาสที่ชั่วร้าย ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรมี โชคดีที่ในยุคสมัยใหม่นี้ ไม่มีทาสแล้ว และนี่เป็นสิ่งหนึ่งที่ยุคสมัยใหม่ดีกว่าสมัยก่อนที่คนตกเป็นทาสกันมากมาย ส่วนพวกที่เป็นไทแก่ตัวก็ยังต้องเป็นไพร่ ถูกเกณฑ์แรงงานมากมาย ในสมัยกรุงศรีอยุธยา อาจไม่อาจฝืนระบอบทาส แต่เมื่อ 113 ปีที่แล้ว (พ.ศ.2448) ไทยก็มีการเลิกทาส โดยนางแอนนา เลียวโนเวนส์ (แหม่มแอนนา)เคยพูดว่า “ทาสจะเป็นมลทินที่ยิ่งใหญ่ของชาติสยาม” ในสมัยรัชกาลที่ 4 (https://bit.ly/2GTivBd)
ในความเป็นจริงคงไม่มีนายทาสคนใดแจกมุ้งแก่ทาสในสมัยกรุงศรีอยุธยาตามละครเรื่องการะเกด ส่วนที่ว่าเป็นทาสแล้วอยู่ตามบ้านสบายๆ นั้นจริงหรือ ถ้าคำพูดที่ว่า "มีข้าวกินทุกมื้อ ไม่ต้องกลัวอด" เป็นจริง ก็แสดงว่าทาสยินดีมีสถานะเป็นเพียงคนครึ่งคน หรืออาจเป็นเสมือนสัตว์เลี้ยงมากกว่าจะเป็นมนุษย์ที่มีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และมีสิทธิมนุษยชนเท่าเทียมกันเช่นทุกวันนี้ แต่ทุกอย่างก็มีข้อยกเว้น เช่น ในทุกวันนี้ก็คนมีอำนาจ และคนรวยจำนวนมากที่ทำผิดกฎหมายแล้วไม่ติดคุก เป็นต้น
ในสังคมไทยสมัยโบราณ การเป็นไพร่นั้น อย่างน้อยก็ยัง "มีอิสระในการประกอบอาชีพ การตั้งบ้านเรือน มีครอบครัว มีศักดินา 10-25 ไร่. . .ไพร่มีหน้าที่ในการถูกเกณฑ์แรงงาน หรือเสีย "ส่วย" และถูกเกณฑ์ทหารในยามที่มีศึกสงคราม (https://bit.ly/2GgyfBt) ในแต่ละปีอาจต้องถูกเกณฑ์แรงงาน 3-6 เดือน แต่ก็ยังมีสถานะที่ดีกว่าการเป็นทาสให้ใครจิกหัวใช้ เป็นคนครึ่งคนนั่นเอง การมีที่นา 10-25 ไร่ ก็ยังสามารถหาเลี้ยงชีพได้อย่าง "พอเพียง" ตามอัตภาพได้ ยิ่งเป็นสมัยนั้น คงยิ่งสามารถหักร้างถางพงทำมาหากิน-จับปูจับปลาได้โดยไม่อดอยาก
คนไทยในยุคสมัยประชาธิปไตย (แม้ตอนนี้จะไม่ใช่มา 4 ปีแล้วก็ตาม) ควรยึดหยัดในหลักการเสรีนิยม ยึดถือความเป็นไทเป็นที่ตั้งเช่นที่ควรจะเป็น อย่าได้นิยมการใส่ "ปลอกคอ" แต่ในความเป็นจริง อาจมี "ทาสที่ปล่อยไม่ไป" บ้าง อย่างน้อยก็ต้องไม่สยบยอมต่อระบอบศักดินาที่กดขี่ขูดรีดแรงงานทาสและไพร่ไปใช้อย่างไม่เป็นธรรม อย่าลืมว่าสิ่งก่อสร้างใหญ่โดที่ทิ้งไว้เป็นอนุสรณ์สถานประจำชาตินั้น เป็นฝีมือของผู้ใช้แรงงานนิรนามเป็นสำคัญดังเพลง "คนทำทาง"
ประวัติศาสตร์ อาจมี ในหลายด้าน | แต่คนที่ทำงาน ไม่เคย จะเอ่ยออกนาม |
คนที่แบกหามลุยน้ำลุยโคลน คนที่สรรค์สร้าง | จากป่าเป็นเมืองรุ่งเรืองงามเพียงเวียงวัง |
ด้วยเลือด ด้วยเนื้อ ของคนทำทาง | ถางทาง ตั้งต้น ให้คนต่อไป |
จากป่าเปลี่ยว เที่ยวไป ในทุกถิ่น | ดังโบกโบยบิน พื้นดิน เป็นถิ่นอาศัย |
หนาวเหน็บเจ็บใจ ภัยร้ายนานา ชีวาว้าเหว่ | เช้าค่ำจำเจ เร่ไป ให้คนเดินตาม |
ทุกย่างเท้าเขา เหมือนเงา เรืองราม | ฝังนาม ฝังร่าง อยู่กลาง แผ่นดิน |